Suzuki ได้นำแนวคิด “Smaller, fewer, lighter, shorter, and neater” มาใช้ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 ในส่วนของขั้นตอนการผลิต เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค โดยแต่ละส่วนประกอบด้วย
- Smaller ผลิตรถยนต์ที่มีขนาดเล็กลง
- Fewer ซึ่งจะนำไปสู่การใช้ทรัพยากรที่น้อยลง
- Lighter รวมไปถึงมีน้ำหนักน้อยลง
- Shorter การขนส่งจึงใช้เวลาน้อยลง และวางระยะทางให้สั้น
- Neater โดยทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยเท่าที่เป็นไปได้
แนวคิดนี้ยังคงนำมาใช้อยู่จน Suzuki เป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก และจะยังประยุกต์ใช้ต่อไปกับวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม Suzuki Environmental Vision 2050 ครอบคลุมสิ่งแวดล้อมในหลายด้าน และมีการวางกรอบเวลาสองช่วงระหว่าง 2030 และ 2050 สำหรับรายละเอียดแต่ละประเภท มีดังนี้
- การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (Climate Change)
- ลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์ใหม่ ให้ได้ 40% ภายในปี 2030 และเพิ่มเป็น 90% ภายในปี 2050 เมื่อเทียบกับปี 2010
- ลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกิจกรรมทางธุรกิจ ให้ได้ 45% ต่อยอดขาย ภายในปี 2030 และเพิ่มเป็น 80% ภายในปี 2050 เมื่อเทียบกับปี 2016
- การรักษาสภาพอากาศ (Air Conservation)
- ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในกิจกรรมทางธุรกิจ และเพิ่มการใช้พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้
- ลดมลพิษทางอากาศในแต่ละประเทศหรือเขต ด้วยการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ลดการใช้สารอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile Organic Compounds : VOCs) ในกิจกรรมทางธุรกิจและผลิตภัณฑ์
- ลดอัตราการปล่อยมลพิษทางอากาศ ทั้งจากกิจกรรมทางธุรกิจและผลิตภัณฑ์ ภายในปี 2050
- ทรัพยากรน้ำ (Water Resource)
- ลดการนำน้ำมาใช้และบำบัดน้ำเสีย ก่อนปล่อยน้ำออกจากโรงงานทุกแห่ง ภายในปี 2030
- ใช้ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน โดยให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ภายในปี 2050
- การนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ (Resource Circulation)
- ขยายระบบการรีไซเคิลรถยนต์ทั่วโลก ภายในปี 2030
- ส่งเสริมการรีไซเคิล, สร้างใหม่ และ นำมาใช้ใหม่กับแบตเตอรี่ที่ชาร์จใหม่ได้ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ภายในปี 2030
- ลดการสร้างขยะจากโรงงานทั่วโลก ภายในปี 2030
- ลดการใช้ห่อที่ทำจากพลาสติก ภายในปี 2030
- ส่งเสริมการลดขยะ, รีไซเคิลขยะ และ การกำจัดขยะอย่างถูกต้อง จากกิจกรรมทางธุรกิจและผลิตภัณฑ์ ด้วยระบบและเทคโนโลยีที่พัฒนาในญี่ปุ่น โดยจะกระจายไปทั่วโลกภายในปี 2050
ที่มา: Suzuki