หลายประเทศทางยุโรปโดยเฉพาะในเยอรมนี ผู้ประกอบการนิยมเลือก Mercedes-Benz มาทำรถแท็กซี่เป็นเวลานานแล้ว แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ความนิยมในรถแท็กซี่จากค่ายดาวสามแฉกกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานว่าที่เยอรมนี Mercedes-Benz มียอดขายรถแท็กซี่ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2024 เป็นจำนวน 497 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 1,730 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนลดลงถึง 71%

มีรายงานด้วยว่าแท็กซี่ Mercedes-Benz ที่ขายได้ในปีนี้แบ่งเป็น E-Class จำนวน 127 คัน (ลดลง 90%), B-Class จำนวน 1 คัน (ลดลง 95%) และ Vito อีกจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ระบุตัวเลข แต่มีรายงานว่ายังได้รับความนิยมอยู่ ด้วยตัวเลขดังกล่าวจึงมีการวิเคราะห์ว่า เมื่อถึงสิ้นปี Mercedes-Benz อาจครองส่วนแบ่งในตลาดกลุ่มแท็กซี่ราว 13% จากที่เคยครองตลาดอยู่ 52% ในปี 2019 และลดลงเหลือ 38% ในปี 2023

 

Mercedes-Benz นับเป็นบริษัทรถยนต์รายแรก ที่ติดตั้งแท็กซี่มิเตอร์ในรถยนต์โบราณตั้งแต่ปี 1896 ทั้งยังเคยมีการประกาศในปี 2010 ว่าบริษัทจะอยู่เคียงข้างอุตสาหกรรมรถแท็กซี่ จนกระทั่งปีที่ผ่านมาที่ Ola Källenius ตำแหน่ง CEO ของ Mercedes-Benz ระบุว่าบริษัทจะไม่ดัดแปลงรถแท็กซี่จากโรงงานให้อีกต่อไป ทั้งยังไม่มีส่วนลดพิเศษให้ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ด้วย เนื่องจากพบว่าปัจจัยยอดขาย, ค่าดัดแปลง และค่าขนส่งไม่สอดคล้องกัน นอกจากนั้น คู่แข่งอย่าง BMW และ Audi ล้วนถอยห่างจากตลาดกลุ่มนี้ด้วย

ไม่เพียงแค่นั้น ขนาดตลาดรถแท็กซี่ในเยอรมนียังมีขนาดเล็ก โดยมียอดจดทะเบียนโดยเฉลี่ยปีละ 6,000 – 7,000 คัน ต่างจากทั้งตลาดที่มีตัวเลขจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ราว 2,800,000 คันต่อปี ทั้งนี้ ใช่ว่าจะไม่มีแท็กซี่ Mercedes-Benz ให้เห็นอีกต่อไป เพราะบริษัทยังรับดัดแปลง E-Class Limousine ให้อยู่ ส่วนผู้ประกอบการที่ใจสู้ สามารถซื้อรถไปให้บริษัทอื่นดัดแปลงให้ได้ ส่วนค่ายอื่นที่มาเจาะตลาดแท็กซี่แทนคือ Volkswagen ซึ่งกลายเป็นผู้นำในตลาดตอนนี้ ทั้งยังมี Toyota ที่นำ Corolla และ RAV4 ซึ่งดัดแปลงเพื่อการนี้มาเจาะตลาดด้วย

 

ที่มา: carscoops