นับว่าผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนามอย่าง VinFast ยังไม่สามารถก้าวข้ามปัญหาใหญ่ไปได้ หลังบริษัทได้นำเข้า VinFast VF8 จากเวียดนามมาหวังเจาะตลาดอเมริกันเกือบ 3,000 คันในปีนี้ แต่กลายเป็นว่าในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พึ่งมีการจดทะเบียน VinFast VF8 ไป 128 คันเท่านั้น โดยแบ่งยอดในแต่ละเดือนได้ ก.พ. 1 คัน, มี.ค. 16 คัน, เม.ย. 66 คัน และ พ.ค. 45 คัน
นั่นทำให้ VinFast จัดอยู่ในอันดับที่ 22 ของตารางยอดจดทะเบียน EV ใหม่ตามรายงานของ Experian จากทั้งหมด 25 อันดับ โดย 3 อันดับที่รั้งท้ายหลังผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนาม ประกอบด้วย Jaguar, GMC และ Mazda ตามลำดับ ทั้งนี้ ต้องอธิบายก่อนว่า VinFast ทำตลาดในแคลิฟอร์เนียเท่านั้น ไม่ได้ออกจำหน่ายทั่วประเทศเหมือนแบรนด์อื่น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีส่วนแบ่ง EV จากทั้งประเทศเกือบ 40%
มีการวิเคราะห์ว่าสาเหตุที่ทำให้ VinFast VF8 ไม่ประสบความสำเร็จในตลาด เป็นผลมาจากตัวผลิตภัณฑ์และราคา โดยในส่วนของตัวรถนั้น ถูกวิจารณ์ชนิดสับเละจากสื่อมวลชน อีกทั้งยังสามารถขับขี่ได้ไกลสุดเพียง 288 กิโลเมตรในช่วงแรก และมาพร้อมกับค่าตัวเริ่มต้นที่ 55,550 USD (ราว 1,911,000 บาท) ก่อนจะปรับปรุงใหม่ให้ขับได้ไกลสุดเป็น 333 กิโลเมตร พร้อมปรับราคาเริ่มต้นลงเหลือ 46,900 USD (ราว 1,613,000 บาท)
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น Tesla Model Y มีราคาเริ่มต้นในสหรัฐฯ 49,130 USD (ราว 1,690,000 บาท) แถมนี่เป็นราคาก่อนได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐอีก และแน่นอนว่า VinFast VF8 ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใด VinFast ถึงรายงานผลประกอบการในครึ่งแรกปี 2023 ว่าขาดทุนมูลค่า 598 ล้าน USD (ราว 20,000 ล้านบาท) และมีรายได้ลดลง 49%
นอกจากนั้น VinFast ยังเลื่อนกำหนดการเริ่มก่อสร้างโรงงานมูลค่า 4,000 ล้าน USD (ราว 137,000 ล้านบาท) จากเดิมปี 2024 เป็น 2025 แต่แผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่นั้นดูเหมือนว่า VinFast ยังไม่ยอมแพ้ เพราะในปีนี้มีแผนจะนำเข้า VF9 รถยนต์ Crossover เบาะสามแถวมาเสริมทัพ VF8 ที่เป็นเบาะสองแถว ทั้งยังอาจมี VF6 และ VF7 สอง Crossover ที่ขนาดเล็กกว่าและราคาย่อมเยาลง ตามมาภายหลังด้วย