RUF CTR3 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 ในฐานะรถยนต์ Supercar ขุมพลังวางกลางและมีพื้นฐานร่วมกับ Porsche Cayman ตามมาด้วยรุ่นที่พิษสงสูงขึ้นกับรหัส CTR3 Clubsport ในปี 2012 และปีนี้ก็มีรุ่นใหม่ตามมาในชื่อ RUF CTR3 Evo ซึ่งไม่เพียงแต่แรงกว่ารุ่น Clubsport เท่านั้น แต่ยังแรงที่สุดเท่าที่ RUF เคยมีมา
RUF CTR3 Evo ทรงเครื่องชุดแต่งคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน ครบองค์ประกอบรถแรงทั้งโป่งรอบคันแบบ Wide Body, ชายกันชนหน้า, ดิฟฟิวเซอร์หลัง, canards และสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ ส่วน scoop บนหลังคามีไว้ส่งลมเย็นเข้าไประบายความร้อนของขุมพลังวางกลาง กระจกบานหลังไม่มี และแทนที่ด้วยครีบระบายความร้อนอีกชั้น ปิดท้ายกับท่อไอเสียปลายคู่ออกสองฝั่ง
ขุมพลังของ RUF CTR3 Evo เป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบนอน ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ปรับไส้ในใหม่เสริมด้วยระบบ direct injection และอ่างน้ำมันเครื่องแบบแห้ง กำลังสูงสุด 800 แรงม้า ที่ 7,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 990 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที คาดว่าจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 จังหวะ และอาจมีเกียร์ธรรมดาให้เลือกด้วย
ทั้งนี้ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลสมรรถนะของ RUF CTR3 Evo จากทางการ แต่คาดว่าแรงกว่า CTR3 Clubsport แน่นอน โดยรุ่นดังกล่าว (CTR3 Clubsport) สามารถทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 380 กิโลเมตร/ชั่วโมง กลับมาที่ RUF CTR3 Evo ซึ่งใช้ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิคขนาด 381 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีเหลือง ขนาด 6 สูบ
ล้อของ RUF CTR3 Evo มาในลาย 5 ก้าน สีน้ำเงินขนาด 20 นิ้ว รัดด้วยยาง Michelin ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ McPherson Struts ส่วนด้านหลังเป็นแบบ multi-link สำหรับค่าตัวเริ่มต้นของ RUF CTR3 Evo อยู่ที่ราว 570,000 ปอนด์ (ประมาณ 25,818,000 บาท) ทั้งยังมีโอกาสที่จะผลิตจำนวนจำกัด เฉกเช่นเดียวกับ RUF CTR3 รุ่นก่อนด้วย