สถานการณ์ยอดขายรถยนต์ Nissan ถดถอยดูเหมือนจะไม่ได้เกิดขึ้นในบ้านเราเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในสหรัฐฯ เช่นกัน หลังมีรายงานจาก Automotive News ซึ่งทำการสัมภาษณ์ผู้แทนจำหน่าย Nissan ในสหรัฐฯ อย่างน้อย 5 ราย โดยขอไม่ระบุตัวตนและต่างให้คำตอบเหมือนกันว่า ผลกำไรถดถอยจนติดลบแล้วซึ่งสาเหตุของปัญหานั้นมีหลายประเด็นด้วยกัน

เริ่มต้นกับสถานการณ์ก่อน ปัจจุบัน Nissan มีเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายในสหรัฐฯ 1,071 ราย เมื่อเมื่อเทียบกับส่วนแบ่ง 5.8% ของ Nissan จากทั้งตลาดสหรัฐฯ ทำให้ผู้แทนจำหน่ายมองว่า มีดีลเลอร์เยอะเกินไป และควรลดจำนวนลงถึง 40% เสียด้วยซ้ำ เพื่อให้ผู้แทนจำหน่ายที่ยังเหลืออยู่สามารถสร้างผลกำไรได้ ส่วนจำนวนดีลเลอร์ที่มีผลประกอบการติดลบอาจสูงถึง 38% จากจำนวนดีลเลอร์ทั้งหมด และมีผลกำไรในปี 2024 ลดลงสูงสุด 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023

 

ผลกำไรระดับดังกล่าวถือว่าตกต่ำที่สุดในรอบ 15 ปี สำหรับสาเหตุที่ Nissan ขายไม่ออกในสหรัฐฯ ผู้แทนจำหน่ายมองว่าเป็นเพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ขุมพลัง Mild Hybrid หรือ Plug-in Hybrid ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ทำให้ลูกค้าหันไปหาแบรนด์อื่นหมด ทั้งยังมีการยกตัวอย่างว่าเกือบ 30% ของ Toyota ที่ขายได้เมื่อปีก่อนในสหรัฐฯ มาพร้อมขุมพลังพ่วงระบบไฟฟ้า และเกือบครึ่งของยอดขาย Honda Accord รวมถึง CR-V เป็นรุ่น Hybrid

Nissan สหรัฐฯ รับรู้ถึงปัญหาดังกล่าวพร้อมกับพยายามแก้ไข ด้วยการปรับกลยุทธ์การตลาดซึ่งจะเน้นโปรโมทคุณสมบัติรถยนต์มากกว่าการเน้นไปที่ presenter พร้อมกับเตรียมเปิดตัว Nissan Kicks รุ่นปี 2025 ซึ่งคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มยอดได้ 20% เมื่อถึงเดือนมีนาคม 2025 และในปี 2027 จะมีการเปิดตัว Nissan Rogue ขุมพลัง PHEV มาเสริมทัพด้วย ซึ่งอาจจะช้าไปเสียหน่อย เพราะหนึ่งในผู้แทนจำหน่าย Nissan สหรัฐฯ กล่าวว่า “เราต้องการยอด และต้องการอย่างเร่งด่วนด้วย”

 

ที่มา: motor1, thedrive