Renault และ Nissan เป็นบริษัทที่เป็นพันธมิตรกันมานานนับทศวรรษ แต่ในความสัมพันธ์นั้นมีความตึงเครียดแฝงอยู่ เนื่องจาก Renault ถือหุ้นที่ออกเสียงลงมติได้ในสัดส่วน 43.4% ส่วน Nissan มีหุ้นที่ออกเสียงลงมติไม่ได้ในสัดส่วน 15% ของ Renault จนกระทั่งเกิดประเด็นการจัดกุม Carlos Ghosn อดีตผู้บริหารของ Nissan ในญี่ปุ่น ประกอบกับวิกฤต COVID-19 ที่ทำให้สถานการณ์ของการจับมือที่ควรจะดี กลับเลวร้ายลง
ความเปลี่ยนแปลงจึงเริ่มขึ้น ในเดือนพฤศจิกายน 2023 เมื่อ Renault ได้ตัดสินใจถ่ายโอนหุ้นของ Nissan ที่ตนถืออยู่ในสัดส่วน 28.4% ออกไปให้บริษัทกองทุนของฝรั่งเศส ทำให้ Renault เหลือหุ้นอยู่ 15% เทียบเท่ากับ Nissan ส่วนหุ้นที่ Nissan มีอยู่ 15% นั้นยังปรับเปลี่ยนใหม่ ให้เป็นหุ้นที่ออกเสียงลงมติได้ จากนั้น มีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการถือหุ้นอีกเล็กน้อย ในเดือนธันวาคม 2023 และมิถุนายน 2024
ล่าสุด มีการประกาศเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2024 ว่า Renault ได้มีข้อเสนอขายหุ้นของ Nissan ที่อยู่ในกองทุนฝรั่งเศส และขายคืนให้กับ Nissan จำนวน 195,473,600 หุ้น หรือคิดเป็น 5.03% ซึ่ง Nissan รับข้อเสนอและซื้อหุ้นจำนวนดังกล่าวกลับ ที่มูลค่าประมาณ 494 ล้านยูโร (ราว 17,000 ล้านบาท) โดย Nissan ชำระด้วยเงินสดสุทธิ (Net Cash Position) และจะมีผลถือหุ้นนับตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2024
Renault ระบุว่าการขายหุ้นในครั้งนี้ให้ Nissan จะก่อให้เกิดกระแสเงินสดมูลค่า 494 ล้านยูโร (ราว 17,000 ล้านบาท) ซึ่งบริษัทจะนำไปจัดสรรในการลงทุน และจัดระดับกลุ่มระดับลงทุน (Investment Grade Rating) ต่อไป อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นในครั้งนี้ก่อให้เกิดขาดทุน จากการจำหน่ายในราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อ (Capital Loss) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,100 ล้านยูโร (ราว 39,000 ล้านบาท) ซึ่งอาจส่งผลไปถึงรายได้สุทธิ