Mitsubishi Outlander Black Edition เปิดตัวที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2023 และจะเริ่มออกจำหน่ายที่นั่นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2024 โดยความพิเศษนั้นเป็นการนำรุ่นย่อย P 7 ที่นั่ง ซึ่งเพียบพร้อมด้วยหน้าจอ Head-Up Display, เครื่องเสียง BOSE และหลังคา Panoramic Sunroof มาต่อยอดด้วยการเปลี่ยนกรอบ Dynamic Shield ด้านหน้าเป็นสีดำ รวมถึงคิ้วประตูและคิ้วหลังคาเป็นสีดำเงาด้วย

Mitsubishi Outlander Black Edition มีสีตัวถังให้เลือก 5 สี แบ่งเป็น สี two-tone 3 สี และ monotone 2 สี โดยมีสีพิเศษเฉพาะรุ่นเป็นสีเทา Graphite Gray Metallic ตัดสีดำ Black Mica พร้อมกันนี้ Outlander รุ่นธรรมดารวมถึงรุ่นพิเศษยังปรับอุปกรณ์ใหม่ ด้วยการเพิ่มช่องชาร์จ USB Type A, Type C และ HDMI ในทุกรุ่นย่อย ทั้งยังเพิ่มไฟตัดหมอกหลัง LED และ หัวฉีดล้างไฟหน้า มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น M

 

ขุมพลังของ Mitsubishi Outlander Black Edition คงเดิมกับ PHEV เป็นเครื่องยนต์เบนซิน รหัส 4B12 แบบ 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 133 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 195 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที พร้อมแบตเตอรี่ lithium-ion ขนาด 20 kwH พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า รหัส S91 กำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 255 นิวตันเมตร และ มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง รหัส Ya1 กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 195 นิวตันเมตร

ระยะทางที่ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 96 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 16.6 กิโลเมตร/ลิตร ตามมาตรฐาน WLTC ระบบขับเคลื่อนเป็นสี่ล้อ S-AWC พร้อมระบบ AYC ส่วนรูปแบบการขับขี่สามารถปรับได้ 7 รูปแบบ ประกอบด้วย Normal, Tarmac, Gravel, Snow, Mud, Power และ ECO ส่วนราคาจำหน่ายของ Mitsubishi Outlander Black Edition ในญี่ปุ่นอยู่ที่ 6,304,100 เยน (ราว 1,551,000 บาท)

 

 

ที่มา: Mitsubishi