MINI เปิดตัวรุ่นปรับโฉม LCI อีกครั้งในตัวถังเดิม โดยเน้นไปที่การปรับดีไซน์ทั้งภายนอก และ ภายในห้องโดยสาร เสริมด้วยลูกเล่นและความปลอดภัยที่มากขึ้น มีให้เลือกทั้งตัวถัง Hatch 3 – Hatch 5 ประตู และ เปิดประทุน Convertible ส่วนขุมพลังเป็นเบนซินเทอร์โบ 3 สูบ 1.5 ลิตร และ 4 สูบ 2.0 ลิตร เสริมด้วยขุมพลัง EV
ภายนอกของ MINI รุ่นล่าสุด เพิ่มสีตัวถังมาใหม่ 3 สีทั้ง สีเทา Rooftop Grey, สีน้ำเงิน Island Blue และ สีเหลือง Zesty Yellow พร้อมทางเลือกตัดสีหลังคาแบบใหม่ Multitone Roof ซึ่งเป็นการไล่โทนสีบนหลังคาจากหน้ารถที่เป็นสีน้ำเงิน San Marino Blue ไปยังสีฟ้า Pearly Aqua และ จบด้วยสีดำ Jet Black ท้ายรถ
การตกแต่งโคมไฟหน้า LED มีวงแหวนสีดำ High Gloss Black และ ไฟท้ายกราฟฟิกธงชาติอังกฤษเป็นมาตรฐาน ไฟตัดหมอกแทนที่ด้วย Bad Weather Light กันชนหน้าหลังและครีบแก้มหน้าระบุชื่อรุ่นเปลี่ยนทรงใหม่ โดยด้านหน้ามีช่องดักลม Air Curtain ใหม่เช่นกัน เสริมด้วยการตกแต่งด้วยสีดำ Piano Black รอบคัน ปิดท้ายด้วยไฟตัดหมอกหลังเหนือท่อไอเสีย และล้อลายใหม่ขนาด 17 – 18 นิ้ว
ห้องโดยสารของ MINI รุ่นล่าสุด ให้พวงมาลัยใหม่หุ้มหนัง Nappa และปรับอุ่นได้เป็นครั้งแรก เสริมด้วยการตกแต่งสีดำ Piano Black มาตรวัดมีขนาด 5.5 นิ้ว ส่วนหน้าจอแสดงผลมีขนาด 8.8 นิ้ว ซึ่งมาพร้อมกับกราฟฟิกแบบใหม่ เบาะแบบ Sport seats เพิ่มลายใหม่สี Light Chequered ช่องแอร์ปรับดีไซน์ใหม่หมด
กราฟฟิกบนแดชบอร์ดฝั่งผู้โดยสารหน้าใหญ่ขึ้น พร้อมเพิ่มลายใหม่อีก 2 ลาย ตัวควบคุม MINI Controller มาในสีดำเข้ากับภาพรวมภายใน ส่วนไฟส่องสว่าง Ambient Light ปรับได้ 12 สี ขยายพื้นที่การเปล่งแสงไปยัง วงแหวนและลายกราฟฟิกตกแต่งแดชบอร์ด รวมไปถึงแผงประตูด้วย
ขุมพลังของ MINI รุ่นล่าสุด มีเครื่องยนต์เบนซินให้เลือกด้วยกัน ตามรายละเอียดโดยสังเขปดังนี้
- MINI One First แบบ 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 75 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 13.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 173 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- MINI One แบบ 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 102 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 10.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 193 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- MINI Cooper แบบ 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 136 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 8.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- MINI Cooper S แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- MINI John Cooper Works แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 231 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 6.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 246 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- MINI Cooper SE ขุมพลังไฟฟ้า EV ประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ lithium-ion ขนาด 32.6 kWh กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขับขี่เป็นระยะทางสูงสุดได้ 203 – 234 กิโลเมตร
ตัวเลขสมรรถนะแตกต่างไปตามแบบตัวถัง MINI รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเป็นมาตรฐาน พร้อมทางเลือกเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 จังหวะ สำหรับรุ่น John Cooper Works จับคู่เกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ ช่วงล่างปรับ Adaptive Chassis ให้มีระบบ Frequency-Selective Damping มาด้วย
ระบบความปลอดภัยปรับ ระบบล็อคความเร็วอัตโนมัติ Active Cruise Control ให้หยุดและออกตัวใหม่ได้เอง ทั้งยังมี Lane Departure Warning ระบบแจ้งเตือนออกนอกช่องจราจร และ Bad Weather Light ระบบไฟส่องสว่างเพิ่ม MINI รุ่นล่าสุด เปิดตัวเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2021 และเริ่มจะออกจำหน่ายในเดือนมีนาคมนี้ พร้อมกันทั้งตัวถังหลังคาแข็ง 3 – 5 ประตู และ เปิดประทุน Convertible
ที่มา : BMW