Mercedes-Benz E-Class ตัวถังสองประตู Coupé และ เปิดประทุน Cabriolet มีรุ่น Facelift ตามมาเรียบร้อยแล้ว โดยความเปลี่ยนแปลงมีทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงงานวิศวกรรมอย่างขุมพลังเบนซิน ที่พ่วง EQ Boost มาให้ในทุกรุ่น และ พัฒนาขุมพลังดีเซลให้มีสมรรถนะสูงกว่าเดิม ทั้งยังมี Active Safety ปรับปรุงใหม่ด้วย

Mercedes-Benz E-Class Coupé และ Cabriolet Facelift เปลี่ยนไปใช้ไฟหน้า All-LED ในทุกรุ่นย่อย พร้อมออพชั่น MULTIBEAM LED ส่วนไฟท้ายเป็นแบบสองก้อน ปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่เช่นกัน กระจังหน้าเปลี่ยนไปใช้แบบ A-shape ตกแต่งโครเมี่ยมมีเส้นขีดกั้นกลาง ส่วนสีตัวถังเพิ่มใหม่สี่สี ประกอบด้วย สีเงิน High-Tech Silver, สีเทา Graphite Grey Metallic, สีเงิน Mojave Silver และ สีแดง Patagonia Red (Designo)

ล้อมีการเพิ่มลายใหม่ให้มีทางเลือกมากขึ้น รวมถึงลาย Aero Wheels ที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึงการรีดลม เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานอากาศ ให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น สำหรับวัสดุหลังคาตัวถังเปิดประทุน Cabriolet ยังคงเป็นผ้าเน้นความ classic มีโครงสร้างหลายชั้นจึงเก็บเสียงรบกวนภายนอก และควบคุมอุณหภูมิได้ดี

ห้องโดยสารของ Mercedes-Benz E-Class Coupé และ Cabriolet Facelift เพิ่มวัสดุให้เลือกสรรหลายรูปแบบทั้ง ผ้า, หนังสังเคราะห์ ARTICO, หนังพิมพ์ลาย, หนัง Nappa ตัดเย็บลายข้าวหลามตัด และ หนังแก้ว ส่วนพวงมาลัยเปลี่ยนของใหม่หุ้มหนัง ตกแต่งสีดำเงาตัดสีเงิน และมีแบบสปอร์ตให้เลือกด้วย

เครื่องเสียงปรับไปใช้ระบบสั่งการด้วยเสียง MBUX รุ่นล่าสุด มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบคู่ ขนาด 10.25 นิ้ว และ เปลี่ยนเป็นหน้าจอคู่ขนาด 12.3 นิ้ว ได้ ทั้งยังมีระบบ ENERGIZING COACH แนะนำผู้ใช้งานให้ปรับตำแหน่งเบาะและผู้ใช้งานได้ ตามสภาพความเครียดและการพักผ่อนของผู้ใช้งาน โดยทำงานร่วมกับ Garmin

ขุมพลังของ Mercedes-Benz E-Class Coupé และ Cabriolet Facelift มีรายละเอียด ดังนี้

เครื่องยนต์เบนซิน

  • E 200 และ E 200 4MATIC

แบบ 4 สูบ ขนาด 1,991 ซีซี เทอร์โบ กำลังสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,650 – 4,000 รอบ/นาที เสริมระบบ EQ Boost เพิ่มกำลังสูงสุดอีก 14 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอีก 150 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic 9 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อคู่หลัง หรือ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC

  • E 300

แบบ 4 สูบ ขนาด 1,991 ซีซี เทอร์โบ กำลังสูงสุด 258 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,650 – 4,000 รอบ/นาที เสริมระบบ EQ Boost เพิ่มกำลังสูงสุดอีก 14 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอีก 150 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic 9 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อคู่หลัง

  • E 450 4MATIC

แบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 2,999 ซีซี เทอร์โบ กำลังสูงสุด 367 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 4,000 รอบ/นาที เสริมระบบ EQ Boost เพิ่มกำลังสูงสุดอีก 22 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอีก 250 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic 9 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC

เครื่องยนต์ดีเซล

  • E 220 d และ E 220 d 4MATIC

แบบ 4 สูบ ขนาด 1,950 ซีซี เทอร์โบ กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic 9 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อคู่หลัง หรือ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC

  • E 400 d 4MATIC

แบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 2,925 ซีซี เทอร์โบ กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 3,600 – 4,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ที่ 1,200 – 3,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic 9 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC

ความปลอดภัยของ Mercedes-Benz E-Class Coupé และ Cabriolet Facelift มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่หลายรายการทั้ง Emergency Brake Assist ระบบลดความเร็วโดยอัตโนมัติ เมื่อเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ตรวจจับคนเดินถนนได้ และ ระบบ Hands-Off Detection ตรวจจับว่าผู้ขับขี่จับพวงมาลัยระหว่างใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติหรือไม่ โดยจะทำงานร่วมกับระหน่วงพวงมาลัย และลดความเร็วอัตโนมัติ หากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนองระบบเตือน

Mercedes-Benz E-Class Coupé และ Cabriolet Facelift เปิดตัวเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม และมีกำหนดการเริ่มออกจำหน่ายที่ยุโรปในฤดูใบไม้ร่วง 2020 หรือ ราวเดือนกันยายน – ธันวาคม

ที่มา: Daimler