Mazda เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ไม่กี่เจ้าที่ไม่ก้าวตามกระแส EV สังเกตได้จากการมีรถยนต์ไฟฟ้าออกขายเพียงรุ่นเดียวในชื่อ MX-30 แถมยังยุติการทำตลาดในสหรัฐฯ ไปแล้วด้วย ล่าสุด Masahiro Moro ตำแหน่ง CEO ของ Mazda ให้สัมภาษณ์กับสื่อและยอมรับในประเด็นดังกล่าว พร้อมระบุว่าบริษัทเลือกที่จะเป็นผู้ตามในเรื่องของ EV อย่างตั้งใจ เนื่องจากบริษัทต้องการศึกษาความต้องการของลูกค้าอย่างถี่ถ้วนก่อน

และความเปลี่ยนแปลงใกล้ที่จะเกิดขึ้นแล้ว เนื่องจาก Mazda ได้ตั้งแผนกใหม่ชื่อ e-Mazda ในเดือนที่ผ่านมา มีพนักงานไม่ถึงร้อยคน ทั้งหมดรับผิดชอบในส่วนของการออกแบบ platform, ตัวรถ และวางแผนผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าซึ่ง Moro ระบุว่าครบวงจรจบในที่เดียว สำหรับผลงานแรกที่เราจะได้เห็นนั้น น่าจะอยู่ระหว่างปี 2025 – 2027 ทั้งยังตั้งเป้าไว้ว่าจะเปิดตัว EV ใหม่ให้ได้สูงสุด 7 – 8 รุ่น ภายในปี 2030

 

Moro ลงรายละเอียดด้วยว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ภายใต้ความร่วมมือของ Toyota ซึ่งจะเริ่มนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ช่วยให้บริษัทลดต้นทุนในการวิจัยและพัฒนาได้ถึง 70 – 80% เมื่อเทียบกับการทำการวิจัยและพัฒนาขึ้นเอง พร้อมกับกล่าวเสริมว่ามีหลายสิ่งที่บริษัทเดี่ยวทำไม่ได้ และในอดีตเราอาจจะเรียกว่าเป็นพื้นที่แห่งการแข่งขัน แต่ในตอนนี้ได้กลายเป็นพื้นที่ของความร่วมมือไปแล้ว

สำหรับรายละเอียดของ EV รุ่นใหม่จาก Mazda มีข้อมูลภาพรวมจาก Moro แค่ว่าจะเน้นไปที่ SUV และ Crossover โดยจะมีดีไซน์ที่สวยงาม ในเรื่องของงานวิศวกรรมอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่า จะใช้มอเตอร์ที่มีกำลังสูงสุด 70 – 110 กิโลวัตต์ แบบเดี่ยวหรือคู่ดี ส่วนสาเหตุที่ไม่ใช่มอเตอร์ที่ทรงพลังกว่านี้ เพราะจะทำให้ต้องปรับไปใช้แบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น จนน้ำหนักรถยนต์สูงขึ้น รวมไปถึงทำให้ราคาค่าตัวแพงขึ้นด้วย

 

ที่มา: insideevs, carscoops