มีข้อมูลหลุดมาจากระบบสั่งซื้อรถยนต์ BMW ผ่านเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายในประเทศสหรัฐฯ
ว่าจะมีรถยนต์รุ่นใหม่ออกจำหน่ายในรหัสสั่งซื้อ ZL9 หรือ BMW M2 Performance Edition
ซึ่งเป็น BMW M2 รุ่นพิเศษนั่นเอง แม้ว่าจะยังไม่มีรูปหลุดมาด้วย แต่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถ
ค่อนข้างครบถ้วน ดังต่อไปนี้
(รูปประกอบทั้งหมดเป็นของ BMW M2 รุ่นปกติ)
ภายนอกของ BMW M2 Performance Edition เสริมความดุดันจากรุ่นปกติด้วยชุดแต่ง
BMW M Performance Parts พร้อมกระจังหน้า, ฝาครอบกระจกมองข้าง และ ครีบระบาย
ความร้อนที่แก้มคู่หน้า สีดำ ด้านหลังมีปลายท่อไอเสียไททาเนียมมาให้ ส่วนสีตัวถังมีเพียง
สีขาว Alpine White ให้เลือกเท่านั้น
ภายในถอดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกออกจาก BMW M2 รุ่นปกติเพื่อรีดน้ำหนัก
ประกอบไปด้วย เปลี่ยนเบาะปรับไฟฟ้าเป็นเบาะปรับมือ, เปลี่ยนเครื่องเสียง Harman
Kardon เป็นเครื่องเสียงธรรมดา, ถอดระบบปรับอากาศ Dual Zone เป็นระบบปรับอากาศ
อัตโนมัติธรรมดา, ระบบ Keyless Entry System ใช้งานได้น้อยกว่ารุ่นปกติ และถอด
Smoker’s Package (ถาดเขี่ยบุหรี่, ที่วางแก้ว และที่จุดบุหรี่) ทิ้ง
แต่ใช่ว่าจะไม่มีอุปกรณ์ภายในพิเศษของ BMW M2 Performance Edition เลยเพราะ มี
กันเตะเรืองแสงพร้อม LED Projection Lamp ที่ฉายสัญลักษณ์ Performance Edition
ลงพื้นเมื่อเปิดประตูมาให้ด้วย
BMW M2 Performance Edition ใช้ขุมพลังเดิมกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร
เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 47.42 กก-ม.
(465 นิวตันเมตร) ที่ 1,400 – 5,560 รอบ/นาที พร้อมระบบ overboost ที่สามารถเพิ่ม
แรงบิดเป็น 51.01 กก-ม. (500 นิวตันเมตร) ที่ 1,460 – 4,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์
ธรรมดา 6 จังหวะ เท่านั้น
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ของ BMW M2 เกียร์ธรรมดาเดิมๆ สามารถทำได้ภายใน
4.4 วินาที ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า BMW M2 Performance Edition จะมีอัตราเร่งที่ดี
ขึ้น เนื่องจากน้ำหนักตัวเบาลงหรือไม่ สำหรับความเร็วสูงสุดนั้นอยู่ที่ 270 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เนื่องจากติดตั้ง BMW M’s Driver Package มาให้ นอกจากนี้ยังมีช่วงล่าง และทางเดินไอเสีย
จาก M-Performance อีกด้วย
BMW M2 Performance Edition ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 150 คันเท่านั้น ออกจำหน่ายใน
สหรัฐฯเท่านั้น สนนราคาจำหน่ายที่ 61,695 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 2,159,000 บาท) แพงขึ้นกว่า
เดิม 11,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 385,000 บาท) และลูกค้าจะได้เข้าคอร์สเรียนขับรถแข่ง
เป็นเวลา 1 วันด้วย ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าจะพร้อมส่งมอบเมื่อใด แต่คาดว่าไม่นานนักหลังจากนี้
ที่มา : motortrend, caranddriver