มีข้อมูลหลุดมาจากระบบสั่งซื้อรถยนต์ BMW ผ่านเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายในประเทศสหรัฐฯ
ว่าจะมีรถยนต์รุ่นใหม่ออกจำหน่ายในรหัสสั่งซื้อ ZL9 หรือ BMW M2 Performance Edition
ซึ่งเป็น BMW M2 รุ่นพิเศษนั่นเอง แม้ว่าจะยังไม่มีรูปหลุดมาด้วย แต่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถ
ค่อนข้างครบถ้วน ดังต่อไปนี้

(รูปประกอบทั้งหมดเป็นของ BMW M2 รุ่นปกติ)

2017-bmw-m2-coupe-37

ภายนอกของ BMW M2 Performance Edition เสริมความดุดันจากรุ่นปกติด้วยชุดแต่ง
BMW M Performance Parts พร้อมกระจังหน้า, ฝาครอบกระจกมองข้าง และ ครีบระบาย
ความร้อนที่แก้มคู่หน้า สีดำ ด้านหลังมีปลายท่อไอเสียไททาเนียมมาให้ ส่วนสีตัวถังมีเพียง
สีขาว Alpine White ให้เลือกเท่านั้น

2016-BMW-M2-Coupe-front-three-quarter-in-motion-09

ภายในถอดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกออกจาก BMW M2 รุ่นปกติเพื่อรีดน้ำหนัก
ประกอบไปด้วย เปลี่ยนเบาะปรับไฟฟ้าเป็นเบาะปรับมือ, เปลี่ยนเครื่องเสียง Harman
Kardon เป็นเครื่องเสียงธรรมดา, ถอดระบบปรับอากาศ Dual Zone เป็นระบบปรับอากาศ
อัตโนมัติธรรมดา, ระบบ Keyless Entry System ใช้งานได้น้อยกว่ารุ่นปกติ และถอด
Smoker’s Package (ถาดเขี่ยบุหรี่, ที่วางแก้ว และที่จุดบุหรี่) ทิ้ง

2017-bmw-m2-coupe-48

แต่ใช่ว่าจะไม่มีอุปกรณ์ภายในพิเศษของ BMW M2 Performance Edition เลยเพราะ มี
กันเตะเรืองแสงพร้อม LED Projection Lamp ที่ฉายสัญลักษณ์ Performance Edition
ลงพื้นเมื่อเปิดประตูมาให้ด้วย

BMW M2 Performance Edition ใช้ขุมพลังเดิมกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร
เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 47.42 กก-ม.
(465 นิวตันเมตร) ที่ 1,400 – 5,560 รอบ/นาที พร้อมระบบ overboost ที่สามารถเพิ่ม
แรงบิดเป็น 51.01 กก-ม. (500 นิวตันเมตร) ที่ 1,460 – 4,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์
ธรรมดา 6 จังหวะ เท่านั้น

2017-bmw-m2-coupe-43

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ของ BMW M2 เกียร์ธรรมดาเดิมๆ สามารถทำได้ภายใน
4.4 วินาที ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า BMW M2 Performance Edition จะมีอัตราเร่งที่ดี
ขึ้น เนื่องจากน้ำหนักตัวเบาลงหรือไม่ สำหรับความเร็วสูงสุดนั้นอยู่ที่ 270 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เนื่องจากติดตั้ง BMW M’s Driver Package มาให้ นอกจากนี้ยังมีช่วงล่าง และทางเดินไอเสีย
จาก M-Performance อีกด้วย

2017-bmw-m2-coupe-29

BMW M2 Performance Edition ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 150 คันเท่านั้น ออกจำหน่ายใน
สหรัฐฯเท่านั้น สนนราคาจำหน่ายที่ 61,695 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 2,159,000 บาท) แพงขึ้นกว่า
เดิม 11,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 385,000 บาท) และลูกค้าจะได้เข้าคอร์สเรียนขับรถแข่ง
เป็นเวลา 1 วันด้วย ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าจะพร้อมส่งมอบเมื่อใด แต่คาดว่าไม่นานนักหลังจากนี้

 

ที่มา : motortrend, caranddriver