หลังประสบปัญหาการเงินอย่างต่อเนื่อง และยังมีเรื่องมูลค่าหุ้นบริษัทลดลง Aston Martin เริ่มเห็นแสงสว่างแล้วเพราะ Lawrence Stroll เศรษฐีชาวแคนาดาได้ลงทุนในบริษัทมูลค่า 182 ล้านปอนด์ (ราว 7,500 ล้านบาท) ด้วยการเข้าซื้อหุ้น 16.7% ของบริษัท และเขายังขึ้นตำแหน่งประธาน (Chairman) อีกด้วย ส่วน Andy Palmer ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO คนเดิมยังคงอยู่
การลงทุนในครั้งนี้ได้ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหลายประการกับ Aston Martin ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนบริษัทออกจากปัญหา โดยมีทั้งแผนการลดค่าใช้จ่าย 10 ล้านปอนด์ต่อปี (ราว 400 ล้านบาท) ซึ่งอาจส่งผลให้มีการปลดพนักงานด้วย นอกจากนั้น ทีมรถแข่งสูตรหนึ่ง F1 นาม Racing Point F1 ที่เป็นของ Stroll อยู่แล้วจะเปลี่ยนชื่อเป็น Aston Martin ในปี 2021
ส่วนหนึ่งของการลงทุนจาก Stroll จะนำมาใช้เป็นเงินทุนระยะสั้นมูลค่า 55.5 ล้านปอนด์ก่อน (ราว 2,200 ล้านบาท) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของบริษัท และเพื่อดำเนินการผลิต SUV คันแรกของค่ายอย่าง Aston Martin DBX ให้ทันกำหนด โดยมีการตั้งความหวังว่านี่จะเป็นรุ่นที่สร้างผลกำไรให้บริษัทอีกครั้ง สำหรับแผนการพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์อื่น มีรายละเอียดโดยสังเขปดังนี้
- เปิดตัวรถยนต์รุ่นพิเศษปีละ 3 รุ่น
- ระงับ project รถยนต์ไฟฟ้า Rapide E ไว้ชั่วคราวเพื่อนำไปพิจารณาใหม่
- เปิดตัว Vantage – Vantage Roadster รุ่นใหม่ และ Valkyrie ในปีนี้
- พัฒนารถยนต์เครื่องยนต์วางกลางอย่าง Valhalla และ Vanquish เพื่อเปิดตัวในปี 2022
- เลื่อนเปิดตัวแบรนด์ย่อย Lagonda สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV โดยเฉพาะจากปี 2022 เป็น 2025
- พัฒนาเครื่องยนต์ V6 พ่วงระบบ Hybrid เพื่อเปิดตัวในช่วงกลางทศวรรษ 2020