เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งสีสันที่จะพบได้ภายในงาน Geneva Motor Show 2019 นั่นก็คือ รถ Supercar คันใหม่ล่าสุด จากค่าย “ กระทิงดุ “ อย่าง Lamborghini Huracan Evo Spyder รุ่นปรับโฉม ในคราบเวอร์ชั่น หลังคาเปิดประทุน โดยส่งสารพร้อมท้ารบกับตัวฉกาจทั้ง คู่รักคู้แค้นอย่าง Ferrari 488 Pista Spider และศัตรูรายใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวกันไปเมื่อเร็วๆนี้ นั่นก็คือ McLaren 720S Spider
ถ้าพูดถึง ความสดใหม่ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาใน Huracan Spyder รุ่นโฉม Evo หรือศัพท์ที่ Lamborghini ใช้แทนคำในทำนองว่า Minorchange จะถูกเน้นหนักไปที่ส่วนของ การปรับปรุงด้านประสิทธิภาพการขับขี่ รวมทั้งมีการดีไซน์กันชนหน้าใหม่ เพื่อช่วยในเรื่องหลัก Aerodynamic โดย Lamborghini ระบุว่า มันสามารถแรงกดได้มากกว่าเดิมถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับตัวเดิม
นอกเหนือจากนี้ อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานจากโรงงาน ก็มีสิ่งที่น่าสนใจ อาทิ วงล้อขนาด 20 นิ้ว รัดตรึงด้วยยาง Pirelli P Zero ไซส์ 245/30 R20 ที่ล้อหน้า และ 305/30 ที่ล้อหลัง, ระบบช่วงล่างแบบ Magneto-rheological Suspension ที่สามารถปรับความสูง-ต่ำได้โดยอัตโนมัติ ส่วนภายในห้องโดยสาร มีการติดตั้งหน้าจอความบันเทิงใหม่ แบบ Touchscreen ขนาด 8.4 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay บริเวณคอนโซลกลาง
สำหรับขุมพลังความแรง มาพร้อมกับเครื่องยนต์ เบนซิน V10 ขนาด 5.2 ลิตร NA ไร้ระบบอัดอากาศ ให้กำลังสูงสุด 640 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นตากับตัวเลข เพราะว่า มันถูกยกมาจากเวอร์ชั่น Performante ในรุ่นก่อนปรับโฉมนั่นเอง
โดยใช้การเชื่อมต่อกำลังผ่าน ชุดเกียร์ Dual-Clutch 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD พร้อมระบบเฟืองท้ายแบบ Mechanical Self-locking Rear Differential และระบบเลี้ยว 4 ล้อ
ตัวเลขสมรรถนะจากโรงงานเคลมไว้ว่า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 km/h ได้ภายในเวลา 3.1 วินาที, 0-200 km/h : 9.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 km/h ซึ่งถ้าหากนำไปเปรียบเทียบกับ Huracan Evo Coupe จะพบว่า อัตราเร่ง 0-100 km/h ช้ากว่า Coupe ที่ทำเวลาได้ 2.9 วินาที เช่นเดียวกับย่าน 0-200 km/h ตัว Coupe ก็ยังเร็วกว่า แต่เพียงแค่ปลายจมูกที่ 9.0 วินาที
ด้านความโดดเด่นของรุ่นนี้ แน่นอนว่าคงต้องเป็นในส่วนของ หลังคาเปิดประทุน ที่ยังคงใช้เป็นแบบ Soft Top วัสดุผ้าใบสีดำ เช่นเดียวกับรุ่นก่อน โดยใช้เวลาในการเปิด-ปิด หลังคา 17 วินาที และยินยอมให้ใช้งานระบบกลไกดังกล่าวได้จนถึงความเร็วไม่เกิน 50 km/h
แต่อย่างไรก็ดี ด้วยกลไกไฮดรอลิกที่เข้ามาควบคุมการทำงานหลังคาแบบดังกล่าว ส่งผลให้น้ำหนักรวมของตัวรถ จะถูกเพิ่มขึ้นอีก 120 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับรุ่น Coupe และมีน้ำหนักรถเปล่าอยู่ที่ 1,542 กิโลกรัม ขณะเดียวกัน ก็ยังส่งผลเกี่ยวเนื่องไปจนถึง ด้านสมรรถนะที่จะด้อยกว่ารุ่น Coupe อยู่เล็กน้อย
Lamborghini Huracan Evo Spyder มีกำหนดการจำหน่ายจริงในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) ที่กำลังจะถึงนี้ โดยทำการเคาะค่าตัวเริ่มต้นที่ราคา 287,400 เหรียฐสหรัฐฯ (ราว 8,980,000 บาท) ไม่รวมภาษีประเทศไทย
ที่มา : autoevolution