หลังออกจำหน่ายมานานกว่า 3 ปี และสร้างยอดขายสะสมมากกว่า 60,000 คัน Hyundai Ioniq ได้ส่งรุ่น Minorchange มารับช่วงต่อ โดยจะมีขุมพลัง Plug-In Hybrid จากรุ่นเดิมให้เลือกก่อน ส่วนความเปลี่ยนแปลงนั้น มีทั้งภายนอก ภายใน และลูกเล่นของระบบต่างๆ
ภายนอกของ Hyundai Ioniq Minorchange เปลี่ยนไปใช้เปลือกกันชนหน้า – หลัง และปรับดีไซน์กระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมใหม่ เสริมด้วยไฟหน้าและไฟท้าย LED แบบใหม่ถูกนำใช้ รวมไปถึงไฟตัดหมอก LED ส่วนล้อเปลี่ยนเป็นลายใหม่เช่นกัน สีตัวถังมีให้เลือกด้วยกัน 8 สี รวมถึง 3 ทางเลือกสีใหม่ รวมถึง Fluidic Metal, Electric Shadow และ Liquid Sand
ห้องโดยสารเปลี่ยนไปใช้หน้าจอขนาด 10.25 นิ้ว ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ส่วนแผงควบคุมระบบปรับอากาศเปลี่ยนไปใช้สีดำเงา ช่วยให้ห้องโดยสารดูมีระดับขึ้น ปิดท้ายด้วยการเพิ่มระบบเชื่อมต่อ หลากหลายรูปแบบทั้ง Apple CarPlay, Android Auto และ Hyundai LIVE Services
ขุมพลังของ Hyundai Ioniq Plug-In Hybrid Minorchange ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่มีการเพิ่มลูกเล่นการปรับรูปแบบต่างๆ ประกอบด้วย
- Green-zone Drive Mode ปรับไปใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน เต็มรูปแบบโดยอัตโนมัติ เมื่อขับขี่เข้าไปในเขตที่ห้ามใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ถือเป็นครั้งแรกของโลก
- Eco+ Mode ลดการใช้พลังงาน เพื่อขับขี่ให้ไปได้ไกลที่สุดจากพลังงานที่เหลืออยู่
- Utility Mode ให้ผู้ใช้งานควบคุมระบบต่างๆ ได้ แม้ดับเครื่องยนต์อยู่
- ขับขี่ได้ด้วยการใช้คันเร่งแป้นเดียว ซึ่งทำงานร่วมกับระบบ Smart Regenerative Braking
ในส่วนของความปลอดภัยมาพร้อมกับ Hyundai SmartSense ที่ควบรวมหลายระบบไว้ด้วยกัน เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking (AEB), ระบบรักษาตัวรถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Keep Assist (LKA) และ ระบบตรวจสภาพของผู้ขับขี่ Driver Attention Alert (DAA)
รายละเอียดเพิ่มเติมของ Hyundai Ioniq Minorchange จะตามมาในงานเปิดตัว ที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ ณ งาน Geneva Motor Show และอาจมีรุ่นที่ใช้ขุมพลัง Hybrid รวมไปถึงพลังงานไฟฟ้า EV ตามมาด้วย
ขุมพลังของ Hyundai Ioniq รุ่นปัจจุบัน มีให้เลือกด้วยกัน 3 แบบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
Hybrid
เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.0 : 1 กำลังสูงสุด 104 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 148 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ EcoShift 6 จังหวะ ส่งกำลังผ่านล้อคู่หน้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 43 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 169 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 1.56 kWh ทั้งระบบให้พละกำลังรวมกัน 139 แรงม้า
Plug-In Hybrid
เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.0 : 1 กำลังสูงสุด 104 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 148 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ EcoShift 6 จังหวะ ส่งกำลังผ่านล้อคู่หน้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 60 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 169 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 8.9 kWh ทั้งระบบให้พละกำลังรวมกัน 139 แรงม้า
EV
มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 118 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 296 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 28.0 kWh ส่งกำลังผ่านล้อคู่หน้า