แน่นอนว่ารถกระบะเป็นหนึ่งในประเภทรถยนต์ที่ชาวอเมริกันนิยมจน Honda ต้องส่ง Ridgeline มาร่วมแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดนี้ด้วย แต่ที่น่าสนใจคือ Honda Ridgeline ใช้เวลาเพียงแค่ 12 เดือนหรือ 1 ปีเท่านั้น ในการกวาดส่วนแบ่งจากตลาดรถกระบะขนาด Mid-size มาได้ 10% ซึ่งมีการวิเคราะห์จาก Bloomberg ว่า Honda ประสบความสำเร็จ เพราะจับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างจากลูกค้าของกระบะทั่วไปนั่นเอง
Honda Ridgeline รุ่นปัจจุบัน ได้เปิดตัวที่สหรัฐในเดือนมิถุนายน 2016 และ เริ่มเป็นที่นิยมในบรรดาผู้ที่เดิมใช้รถกระบะอยู่แล้ว รวมถึงได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากคนที่ไม่ได้ใช้กระบะ แต่ใช้รถยนต์ Sedan อย่างเช่น Accord อีกด้วย
ส่วนหนึ่งไม่ใช่เพราะแค่ดีไซน์เท่านั้น แต่กระบะรุ่นนี้ยังใช้โครงสร้าง Unibody (หรือ Monocouqe) แบบเดียวกับรถยนต์นั่งทั่วไปทำให้นุ่มนวล ต่างกันกระบะคันอื่นๆ ที่เป็นแบบ Body on Frame ซึ่งกระเด้งกระดอนมากกว่า (กระบะในบ้านเราเป็นแบบ Body On Frame ทั้งหมด : บอดี้ตัวรถ วางบนเฟรมแชสซีส์)
ในเมื่อ Honda Ridgeline ไม่ได้ออกแบบมาให้ถึกดังควายป่า รองรับการบรรทุกเยอะๆได้เหมือนกระบะทั่วไป ผู้ผลิตจึงวิธีสื่อสารกับผู้บริโภคโดยไม่เน้นความถึกทน พันธุ์แกร่ง หรือภาพลักษณ์ลุยมากนัก เช่น ในภาพที่แสดงลูกเล่น in-bed truck ซึ่งเป็นพื้นที่เก็บของใต้กระบะ Honda เลือกที่จะใช้น้ำเปล่าหรือแชมเปญแช่เย็นในช่องดังกล่าวแทนที่จะแช่เบียร์ ทำให้ Honda Ridgeline สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่สายแข็ง หรือผู้ที่ไม่ใช่ผู้ใช้กระบะดั้งเดิมได้มากขึ้น
นอกจากนี้ Honda Ridgeline ยังมีลูกเล่นอื่นๆ ที่แตกต่างจากกระบะทั่วไปไม่ว่าจะเป็น ฝาท้ายกระบะที่เปิดแบบทั่วไปหรือแบบประตูตู้เย็นก็ได้ ช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าขนาด 400 วัตต์ และลำโพงแบบ built-in ที่ติดตั้งอยู่ในกระบะท้ายด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำให้ชัดเจนว่าจุดยืนของกระบะรุ่นนี้นั้นแตกต่างจากคู่แข่งคันอื่นๆ
Jeff Conrad ผู้จัดการทั่วไปของ American Honda ได้ระบุไว้ว่า Honda Ridgeline สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลาย ยิ่งใครที่ไม่ได้คิดเอาไปลากของน้ำหนัก 3 – 4 ตันด้วยแล้ว กระบะคันนี้ยิ่งไร้ที่ติเข้าไปใหญ่ เขายังกล่าวด้วยว่า Honda ไม่ได้ต้องการพยายามเข้าถึงลูกค้าสายแข็งด้วยการใช้ความแกร่ง
Conrad อธิบายว่าความแกร่งเป็นสิ่งที่ Ford และ GM ใช้ในการโฆษณามานานแล้ว แต่นี่ไม่ใช่หนทางสำหรับ Honda เพราะธรรมชาติของ Honda Ridgeline ไม่ได้เป็นเช่นนั้นและลูกค้า Honda ก็ไม่ใช่คนที่สนใจอะไรอย่างนั้นด้วย จะกล่าวได้ว่า Honda ไม่สนโลกก็ได้ที่กล้าทำกระบะโดยไม่ได้เน้นไปที่ความ Tough แต่กระนั้นยังสามารถกวาดยอดขาย 40,000 คันและส่วนแบ่งจากตลาดกระบะ Mid-size ในสหรัฐฯ ได้ 10% ภายในเวลา 1 ปี
นับว่าความสำเร็จก้าวแรกของ Honda Ridgeline ในครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ได้ว่า ความกล้าที่จะแตกต่างหากจับถูกจุด สามารถนำพาไปสู่ความสำเร็จได้ นอกจากนี้ Honda ยังเลือกช่วงเวลาได้ดีเสียด้วยเพราะตอนนี้ Ford กำลังยุ่งอยู่กับกระบะ F-Series ซึ่งอยู่ในจำพวก Full-size อยู่ ทำให้คู่แข่งตัวฉกาจหายไป 1 ราย
อย่างไรก็ตาม หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะ Ford ได้ประกาศที่จะส่ง Ranger กลับมายังประเทศสหรัฐฯ ในปี 2019 ซึ่งนั่นหมายความว่า Honda Ridgeline จะเจอคู่แข่งรายใหญ่ทันที ทำให้น่าติดตามว่า กระบะที่เน้นจุดขายที่ความสะดวกสบาย หรูหรา นิ่มนวลกว่ากระบะคันอื่นๆ จะสามารถต่อสู้กับกระบะพันธุ์แกร่ง ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ !?
(กราฟแท่ง แสดงข้อมูลเปรียบเทียบยอดขายของกระบะ Mid-Size ในสหรัฐระหว่างปี 2016 – 2017)
สำหรับข้อมูลคร่าวๆของกระบะ Honda Ridgeline มีดังนี้
Dimension มิติตัวถัง
- ยาว x กว้าง x สูง : 5,334 x 1,996 x 1,798 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 3,180 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) 199 มิลลิเมตร
หรือ เทียบง่ายๆ ก็คือขนาดจะใหญ่กว่ากระบะที่ขายอยู่ในประเทศไทยเล็กน้อย
Engine เครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน V6 SOHC i-VTEC Direct Injection ขนาด 3.5 ลิตร 3,471 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 89.0 x 93.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.5 : 1 กำลังสูงสุด 280 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 355 นิวตันเมตร ที่ 4,700 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ Intelligent Variable Torque Management (i-VTM4™) AWD
นอกเหนือจากระบบความปลอดภัยพื้นฐานแล้ว ยังมาพร้อมระบบ Honda SENSING เช่น
- Lane Departure Warning (LDW)
- Collision Mitigation Braking System™ (CMBS™)
- Forward Collision Warning (FCW)
- Road Departure Mitigation (RDM)
- Lane Keeping Assist (LKAS)
- Honda LaneWatch™
TVC Ads : Honda Ridgeline ร้องเพลงไปกับฝูงแกะกลางทุ่งหญ้า
มาชมโฆษณาน่ารักๆกันครับ Honda Ridgelineร้องเพลงไปกับฝูงแกะ โชว์ฟังก์ชั่นแปลกใหม่Bed Truck Audio ชุดลำโพงที่กระบะท้าย และDual Action Tailgate ฝาท้ายที่เปิดได้ 2 รูปแบบ
โพสต์โดย Headlightmag.com บน 13 กุมภาพันธ์ 2016
โฆษณาของ Honda Ridgeline ในสหรัฐอเมริกา ช่วงงาน Super Bowl 2016
สำหรับราคาขายของ Honda Ridgeline ในสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นที่ 29,475 USD ถึง 42,970 USD (หรือประมาณ 995,000 – 1,451,000 บาท) ราคารุ่นเริ่มต้นที่อเมริกาแพงกว่า Honda CR-V เสียอีก เห็นแบบนี้ ใครคาดหวังจะให้มาขายในประเทศไทยก็คงยากเสียหน่อย เพราะประการแรกพื้นฐานของ Ridgeline เป็นแบบ Monocoque ไม่ได้เป็นแบบ Body On Frame เหมือนกระบะในบ้านเรา ต้องตีความว่าเป็นรถยนต์นั่ง (Passenger Cars) เพราะฉะนั้นภาษีสรรพสามิตที่ต้องเสียจะต่างกันถึง 2 เท่า
- รถยนต์นั่ง (Passenger Cars) เริ่มต้น 30%
- กระบะ 4 ประตู (รถยนต์นั่งที่มีกระบะ) เริ่มต้นที่ 12%
รวมถึงเครื่องยนต์ของ Ridgeline มีเพียงเครื่องยนต์เดียว คือ เบนซิน V6 3.5 ลิตรเท่านั้น ใครที่อยากได้จริงๆ คงต้องสั่งนำเข้ามาด้วยตัวเอง
ที่มา: bloomberg