HiPhi แบรนด์รถยนต์สัญชาติจีน ที่มีชื่อเสียงในการออกแบบรถยนต์ออกขายจริง ให้ดูล้ำยุคราวกับเป็นรถยนต์ต้นแบบถึงกับระดับที่ว่า เคยติดป้ายแสดงข้อความข้างรถโชว์ว่า “นี่ไม่ใช่รถยนต์ต้นแบบ แต่เป็นรถยนต์ที่พร้อมขายจริงแล้ว” โดยล่าสุดพวกเขาเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีกรุ่นในชื่อ HiPhi A ซึ่งไม่ได้รักษาแค่เอกลักษณ์เรื่องดีไซน์โฉบเฉี่ยวจากอนาคตเท่านั้น แต่ยังแรงระดับทะลุ 1,200 แรงม้าอีกด้วย
เริ่มต้นกับดีไซน์กันก่อน HiPhi A ได้อิทธิพลการออกแบบมาจากสนามแข่งอย่างแรงกล้า ด้วยชุดแต่งคาร์บอนรอบคันพร้อมสปอยเลอร์หลังตายตัวขนาดใหญ่ ล้อเป็นวัสดุอะลูมิเนียมสมรรถนะสูงรัดด้วยยางกว้างพิเศษ เบรกเป็นแบบคาร์บอนเซรามิค และบนประตูบานหลังยังมีหน้าจอแสดงผล ที่แสดงข้อความสื่อสารถึงโลกภายนอกได้ โดยตั้งค่าจากห้องโดยสาร
ประตูเป็นแบบกระจกไร้กรอบ เปิดออกแบบ Suicide Door ส่วนห้องโดยสารของ HiPhi A ใช้แดชบอร์ดแบบเดียวกับของ HiPhi Z ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยมีหน้าจอขนาดเล็กติดตั้งอยู่มุมของแดชบอร์ดทั้งสองฝั่ง เพื่อแสดงภาพจากกล้องมองหลังที่ติดแทนกระจกมองหลัง กลางแดชบอร์ดเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 15 นิ้ว ปรับทิศทางได้ 8 ฝั่งผ่านแขนกล HiPhi Bot
ขุมพลังของ HiPhi A เป็นระบบไฟฟ้า EV ประกอบด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ติดตั้งด้านหน้า 1 ตัว และด้านหลัง 2 ตัว พร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถ discharge สูงสุด 1.5 megawatts ติดตั้งบน platform ขนาด 800 โวลต์ ทั้งระบบกำลังสูงสุดรวมกัน 1,287 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 2 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง
HiPhi A เป็นรถยนต์คันแรกของค่ายที่ติดตั้งแบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้าที่บริษัทพัฒนาขึ้นเองทั้งหมด โดยในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถทนรอบสูงสุด 22,000 รอบ/นาที ได้นานกว่า 30 นาที จากการออกแบบโรเตอร์จากคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมระบบระบายความร้อยและ magnetic cylinder coil ส่วนตัวฐานของแบตเตอรี่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่กันกระสุนได้ ด้านบนยังเคลือบคาร์บอนไฟเบอร์กันไฟ เป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมยานยนต์
HiPhi A มีอัตราการกระจายน้ำหนักหน้าหลัง ในอัตราเกือบแตะระดับ 50:50 ทั้งยังมีระบบกระจายแรงบิด HiPhi Vectoring Control (HVC) ช่วยปรับปรุงสมรรถนะการเข้าโค้งได้อีก 15% และสมรรถนะการเบรกอีก 10% สำหรับการเปิดตัวของ HiPhi A มีขึ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2023 ในงาน Guangzhou Auto Show ก่อนจะเริ่มผลิตและออกจำหน่ายในช่วงต้นปี 2025
ที่มา: carnewschina, insideevs