ตัวแรงจาก Ford ในยุค 70’s นั้นไม่ได้มีแต่ Mustang เท่านั้น แต่ยังมี Escort MK1 RS ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนี่งตัวจิ๊ดของยุค แต่ด้วยอายุอานามเกินครึ่งศตวรรษ ทำให้ประชากรของรุ่นดังกล่าวหาได้ยากยิ่ง แต่ล่าสุด สำนัก Boreham Motorworks พร้อมทำให้ฝันของคนที่อยากเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นนี้เป็นจริงได้ แถมไม่ใช่งานปั้นรถเก่ากลับมาใหม่ เพราะเป็นการสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด ภายใต้การอนุมัติของ Ford ซึ่งไม่ใช่แค่ใช้พิมพ์เขียวแบบเดิมเท่านั้น แต่ยังมีเลขตัวถังที่ได้มาจาก Ford อีกด้วย เรียกได้เต็มปากว่าเป็นการกลับมาผลิตใหม่

ในส่วนของดีไซน์ Ford Escort MK1 RS จาก Boreham คงเดิมทุกประการ พร้อมปรับปรุงใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยด้วยไฟหน้า และไฟท้าย LED เสริมความเก๋าด้วยโป่งล้อทำจากเหล็ก รับกับล้อลายบวกย้อนยุคหน้ากว้างขนาด 15 นิ้ว ส่วนภายในผสานยุคเก่าและยุคใหม่เข้าด้วยกัน กับแดชบอร์ดทำจากคาร์บอนไฟเบอร์หุ้ม Alcantara มาตรวัดเป็นแบบเข็มกวาด ทั้งยังมีระบบปรับอากาศ, พวงมาลัย 3 ก้านหุ้ม Alcantara และเบาะ Bucket Seats หากต้องการสามารถเพิ่ม เข็มขัดนิรภัย 4 จุด, Roll Cage และที่วางหมวกกันน็อคด้านหลัง

 

ขุมพลังของ Ford Escort MK1 RS จาก Boreham มีให้เลือกด้วยกันสองระดับความแรงดังนี้

  • เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ Twin Cam จาก Escort MK1 RS แบบดั้งเดิม ขยายความจุจาก 1,558 ซีซี เป็น 1,845 ซีซี พร้อมติดตั้งหัวฉีดใหม่ทั้งระบบ กำลังสูงสุด 182 แรงม้า เร่งรอบเครื่องได้สูงสุด 9,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดาแบบ straight-cut 4 จังหวะ ลงล้อคู่หลัง
  • เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ซึ่งพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด มีน้ำหนักเพียง 85 กิโลกรัม ความจุ 2.1 ลิตร กำลังสูงสุด 296 แรงม้า เร่งรอบเครื่องได้สูงสุด 10,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดาแบบ dogleg 5 จังหวะ ลงล้อคู่หลัง

 

Ford Escort MK1 RS จาก Boreham ใช้แชสซีส์โลหะน้ำหนักเบา ผสานด้วยการใช้ชิ้นส่วนตัวถังจากคาร์บอนไฟเบอร์ น้ำหนักจึงเบากว่าของดั้งเดิมที่ 800 กิโลกรัม อัตราการกระจายน้ำหนักหน้าหลังอยู่ที่ 55:45 ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ MacPherson struts ส่วนด้านหลังเป็นแบบเพลาลอยทำจากอะลูมิเนียมและไททาเนียม ทั้งยังมี limited-slip rear differential

ระบบเบรกด้านหน้าเป็นคาลิปเปอร์ขนาด 4 สูบ พร้อมจานขนาด 260 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังติดตั้งคาลิปเปอร์ขนาด 2 สูบ พร้อมจานขนาด 264 มิลลิเมตร Ford Escort MK1 RS จาก Boreham จะผลิตจำนวนจำกัดเพียง 150 คัน สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้นไม่ธรรมดาที่ 295,000 ปอนด์ (ราว 12,741,000 บาท) โดยนี่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทย ส่วนกำหนดการเริ่มผลิตจะเริ่มขึ้นในไตรมาส 3 ของปี 2025

 

 

ที่มา: motor1, carscoops