ย้อนกลับไปในปี 2020 ภาครัฐของจีนเคยตั้งเป้าเอาไว้ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้า จะครองส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์จีนในสัดส่วน 50% ในปี 2035 แต่ล่าสุด จากการประเมินโดยนักวิเคราะห์ของธนาคารชั้นนำหลายแห่งอย่าง UBS, HSBC, Morningstar และ Wood Mackenzie ทั้งหมดล้วนประเมินตรงกันว่ายอดขาย EV ของจีนในปี 2025 จะอยู่ที่ราว 12 ล้านคันต่อปี สูงขึ้นจากปี 2024 ประมาณ 20% กลับกันมีการประเมินว่ายอดขายรถยนต์สันดาปที่จีนในปีหน้า จะลดเหลือต่ำกว่า 11 ล้านคันต่อปี หรือลดลงจากปีก่อนในอัตรา 10%
นั่นหมายความว่า EV จะมียอดขายในจีนสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปในปี 2025 หรือไวกว่าที่ภาครัฐเคยตั้งเป้าเอาไว้ถึง 10 ปี ทั้งยังมีการวิเคราะห์ด้วยว่ายอดขาย EV จะยังคงเติบโตต่อไปจนมีตัวเลขสูงกว่า 18 ล้านคันต่อปี ในปี 2034 ส่วนรถยนต์สันดาปจะมียอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง จนอาจเหลือในระดับ 2.93 ล้านคันในปี 2034 ส่วนรถยนต์ Hybrid อาจมียอดขายในระดับ 730,000 – 1 ล้านคัน ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ปิดท้ายกับ PHEV ที่อาจมียอดขายทะลุ 6 ล้านคันต่อปีในปี 2033 และลดลงเล็กน้อยในปี 2034
นักวิเคราะห์มองว่าในระยะยาว ยอดขาย EV ในจีนจะยังเติบโตต่อไป ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อยอดขาย EV ที่จีนในปี 2025 แม้จะมีปัจจัยลบเรื่องนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนต่อจีน แต่ยังมีปัจจัยบวกหลายประการที่ขับเคลื่อนยอดขาย EV ทั้งมีกำลังซื้อสูงในช่วงปลายปีใหม่นี้ รวมถึงการยกเลิกเงินสนับสนุน EV พร้อมกับเริ่มเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2026 อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าผู้ผลิต EV ทุกรายจะเพลิดเพลินไปกับยอดขายที่สูงขึ้น
เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าจะมีแบรนด์ล้มหายตายจากไปไม่น้อย ส่วนสาเหตุคือพ่ายแพ้ให้กับสงครามราคาที่รุนแรงจะยังดำเนินต่อไป นำไปสู่การควบรวมแบรนด์ และผู้ที่อยู่รอดคือผู้ผลิตรถยนต์ที่สร้างรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูง และตั้งราคาขายในระดับที่เหมาะสม ส่วนผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอื่นคาดว่าจะยังไม่สามารถทวงคืนส่วนแบ่งในตลาดจีนได้ จากที่เคยครองส่วนแบ่งรวมกัน 64% ในปี 2020 และลดเหลือ 37% ในปี 2024