ในเดือนกรกฎาคม 2021 สหภาพยุโรปได้เสนอร่างแผนการห้ามจำหน่ายรถยนต์รุ่นใหม่ ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั้งเบนซินและดีเซล ในปี 2035 บัดนี้ มีการยืนยันแล้วว่าแผนการดังกล่าวจะมีการบังคับใช้จริง ทั้งยังระบุไว้ด้วยว่า ผู้ผลิตรถยนต์จำนวน 1,000 – 10,000 คันต่อปี จะได้รับการผ่อนผันไปถึงปี 2036 ส่วนผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดต่ำกว่า 1,000 คันต่อปี จะยังได้รับการยกเว้นในขณะนี้

ไม่เพียงแค่นั้น EU ยังประกาศกลยุทธ์ “Fit for 55” ซึ่งกำหนดให้ผู้ผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ลดอัตราการปล่อยก็าซพิษ CO2 ลงให้ได้ 55% เมื่อเทียบกับเกณฑ์กำหนดในปี 2021 ถือการยกระดับจากตอนแรกที่เสนอว่าจะกำหนดให้ลดมลพิษลง 37.5% การประกาศนี้ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าจะมีผลต่อเครื่องยนต์สันดาปภายในตลาดอื่นนอกยุโรปด้วย เพราะบริษัทรถยนต์จำเป็นต้องทุ่มงบกับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแทน

 

ถึงจะมีผู้ผลิตรถยนต์หลายรายที่ได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่า จะผันตัวไปเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า EV เต็มตัวก่อนถึงปี 2035 รวมถึง Jaguar, แบรนด์รถยนต์ในเครือ Stellantis, Volvo, Bentley, Rolls-Royce, Volkswagen และ MINI แต่ก็ยังมีความกังวลว่า การแบนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน อาจไม่ได้ช่วยลดมลพิษได้ทั้งหมดจริง เพราะยังมีมลพิษจากขั้นตอนการผลิตที่สูงกว่า รวมไปถึงการกำจัดขยะหลังจากนั้น

ไม่เพียงแค่นี้ ยังมีเรื่องผู้บริโภคที่ไม่สามารถหาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงได้ ซึ่งนั่นเท่ากับการบังคับให้พวกเขาใช้รถยนต์ ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นเก่าซึ่งสร้างมลพิษสูงต่อไป สำหรับความหวังที่จะต่ออายุให้กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน ตอนนี้มีเพียงการนำเชื้อเพลิงสังเคราะห์ ซึ่งทำจากวัตถุดิบที่นำกลับมาใช้ใหม่ หรือการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และต้องมาลุ้นต่อว่ามลพิษจะลดลงได้แค่นั้น

 

ที่มา: motor1, carscoops