ในขณะที่ DS Automobiles เร่งกระบวนการเข้าสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว บริษัทยังเดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นเดิม แต่เปลี่ยนไปใช้ขุมพลัง Hybrid แบบใหม่ในระหว่างที่ยังรอการเปลี่ยนถ่ายเต็มรูปแบบ ประกอบด้วย DS 3 Hybrid และ DS 4 Hybrid ซึ่งขุมพลังนี้ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลงสูงสุด 40% พร้อมทั้งลดอัตราการปล่อยกาซคาร์บอนไดออกไซด์เหลือ 112 กรัม/กิโลเมตร
ขุมพลัง Hybrid ที่ติดตั้งใน DS 3 และ DS 4 เป็นการผสานเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 3 สูบ ขนาด 1,199 ซีซี เทอร์โบ กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 28 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 55 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่แบบ NMC lithium-ion ขนาด 0.9 kWh ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ e-DCS6 แบบ Dual Clutch 6 จังหวะ
ตัวเลขสมรรถนะ เมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกันที่ใช้ขุมพลัง PureTech 130 Automatic มีดังต่อไปนี้
- DS 3 Hybrid ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 8.4 วินาที ไวขึ้น 1.2 วินาที และใช้เวลา 29.7 วินาที ในการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปถึงเส้นชัย 1,000 เมตร หรือไวขึ้น 1.1 วินาที
- DS 4 Hybrid ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 10.4 วินาที ไวขึ้น 1.2 วินาที และใช้เวลา 31.7 วินาที ในการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปถึงเส้นชัย 1,000 เมตร หรือไวขึ้น 1.3 วินาที
ส่วนภายนอก ทางการเผยแต่ข้อมูลของ DS 4 Hybrid ซึ่งระบุว่ามาพร้อมกับการตกแต่งด้วยสีดำเงา Gloss Black DS WINGS พร้อมท่อไอเสียปลายคู่ และล้อลายเฉพาะรุ่น ขนาด 19 นิ้ว ห้องโดยสารรุ่นเริ่มต้นตัดเย็บด้วยวัสดุใหม่แบบผ้า Diamond Tungsten Fabric และเปลี่ยนรูปแบบการเดินตะเข็บด้ายรอบคัน นอกจากนั้น ยังติดกระจกหน้าต่างแบบ Acoustic และมีระบบปรับอากาศ Dual Zone พร้อม Air Quality System
DS 4 Hybrid รุ่นท็อปจะเปลี่ยนไปใช้วัสดุหนัง Alcantara สีดำตัดด้วยหนัง Nappa สีน้ำตาล พร้อมระบบปรับอุ่นและปรับไฟฟ้า เสริมด้วยเครื่องเสียง FOCAL Electra และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ DS DRIVE ASSIST 2.0 รวมถึง Vision 360 ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติระดับที่สอง ทั้ง DS 3 Hybrid และ DS 4 Hybrid เปิดรับจองแล้วในยุโรป สนนราคาจำหน่ายที่นั่น โดยที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยดังนี้
- DS 3 HYBRID ราคาเริ่มต้น 35,200 ยูโร (ราว 1,394,000 บาท)
- DS 4 HYBRID ราคาเริ่มต้น 39,950 ยูโร (ราว 1,582,000 บาท)
ที่มา: Stellantis