Mitsubishi เผยแผนธุรกิจ Drive For Growth ครอบคลุมระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายทั่วโลกอีก 30% เป็น 1.3 ล้านคัน และเพิ่มรายได้ของบริษัทเป็น 250,000 ล้านเยน (ราว 72,959 ล้านบาท) โดยบริษัทพร้อมที่จะลงทุนด้าน R&D อีก 600,000 ล้านเยน (ราว 192,000 ล้านบาท) เพื่อพัฒนารถยนต์รุ่นต่างๆ และตั้งเป้าเปิดตัวรถยนต์ใหม่อีก 11 รุ่น

Osama Masuko ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Mitsubishi ระบุว่าแผนธุรกิจ Drive For Growth จะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนเพิ่มในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อีกด้วย โดยจะเน้นไปที่รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อที่บริษัทมีจุดแข็งในด้านนี้ ทั้งยังมีตลาดที่กำลังเติบโตรองรับโดยเฉพาะในเขต ASEAN นอกจากนั้น จะมีการปรับโครงสร้างและจัดการค่าใช้จ่ายด้วย

Mitsubishi ตั้งเป้าที่จะเพิ่มผลกำไรจาก 0.3% ในปีงบประมาณ 2016 เป็น 6% หรือมากกว่านั้นภายในสิ้นปีงบประมาณ 2019 โดยมีการเพิ่มงบประมาณในส่วนต่างๆ ดังนี้

  • เพิ่มงบประมาณ 60% สำหรับค่าใช้จ่ายการลงทุนเป็น 137,000 ล้านเยน (ราว 39,000 ล้านบาท) โดยเพิ่มจากเดิมที่ตั้งไว้ 5.5% ของยอดขายในแต่ละปี
  • เพิ่มงบประมาณ 50% สำหรับ R&D เป็น 133,000 ล้านเยน (ราว 38,000 ล้านบาท)

ในส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Mitsubishi ตั้งเป้าที่จะเสริมจุดแข็งในเรื่องของรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อทั้งแบบ SUV และกระบะ โดยจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีก 11 รุ่นในเขต ASEAN, Oceania, สหรัฐฯ, จีน และญี่ปุ่น โดยใน 6 รุ่นในรถยนต์ 11 รุ่นใหม่จาก Mitsubishi จะเป็นรุ่น All NEW ที่รวม Xpander และ Eclipse Cross เอาไว้แล้ว พร้อมตั้งเป้าที่จะเปิดตัวรุ่นละ 2 ปี โดยเฉลี่ย

รถยนต์รุ่นใหม่ที่เหลือจะเป็นรุ่น Minorchange ของรถยนต์รุ่นปัจจุบัน สำหรับเป้าหมายเมื่อแผน 3 ปีครบวาระ คือ 70% ของยอดขายทั้งหมดจะเป็นของ รถยนต์ SUV, รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ และรถยนต์ PHEV (Plug-in Hybrid) นอกจากนั้น จะมีการเพิ่ม K-Car ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าด้วย

Mitsubishi ยังให้ความสำคัญกับแต่ละตลาด โดยมีเป้าหมายและการปรับปรุงในแต่ละเรื่องที่แตกต่างกันไป ทั้งหมดตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมายในปีงบประมาณ 2019 ดังรายละเอียดต่อไปนี้

  • ASEAN – เพิ่มยอดขายในตลาดนี้ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดและมีผลกำไรมากที่สุดจาก 206,000 คันเป็น 310,000 คัน หลังตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ที่อินโดนีเซียและเปิดตัว Xpander
  • ญี่ปุ่น – เปิดตัวรถยนต์ K-Car รุ่นใหม่เพื่อดึงความสำคัญ ของรถยนต์ประเภทนี้กลับมาอีกครั้ง
  • สหรัฐฯ – ปรับปรุงเครือข่ายผู้จำหน่าย พร้อมตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย 30% เป็น 130,000 คัน
  • จีน – เพิ่มผู้จำหน่ายเป็น 2 เท่า พร้อมตั้งเป้าเพิ่มยอดขายอีกเท่าตัวเป็น 220,000 คัน

ในส่วนของการรัดเข็มขัด Mitsubishi จะลดต้นทุนการผลิตในส่วนของ Monozukuri Cost ปีละ 1.3% รวมไปถึงต้นทุนการบริหารจัดการต่างๆ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับต้นทุนด้าน R&D ที่จะเพิ่มขึ้นตามที่รายงานข้างต้น นับว่า Mitsubishi ดูจะเอาจริงเอาจังไม่น้อยเลยในการขับเคลื่อนไปข้างหน้าร่วมกับพันธมิตร Renault – Nissan – Mitsubishi แต่จะเป็นอย่างไรต่อนั้น โปรดรอติดตามชม

ที่มา: mitsubishi, carwatch