Citroen C3 เปิดตัวแล้วเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2024 อัดแน่นด้วยการประเดิมเทคโนโลยีใหม่จากค่ายจ่าโทเป็นรุ่นแรกหลายรายการ ทั้งขุมพลัง Hybrid แบบใหม่, ช่วงล่างไฮดรอลิคแบบใหม่ และหน้าจอ HUD แบบใหม่ ด้านมิติตัวถังยาว 4.01 เมตร ยาวขึ้นจากรุ่นก่อน 19 มิลลิเมตร ส่วนความสูงอยู่ที่ 1.57 เมตร เพิ่มขึ้นราว 10 มิลลิเมตร จากรุ่นก่อน
Citroen C3 ปรับดีไซน์ไปใช้อัตลักษณ์ใหม่ของค่าย ผสานเข้ากับความเป็น SUV ที่ตอบโจทย์ทั้งภาพลักษณ์ และการขึ้นลงสะดวกด้วย Ground Clearance ที่สูงขึ้นจากรุ่นก่อน 135 เป็น 197 มิลลิเมตร ภายในเน้นความสะดวกสบาย เริ่มต้นกับเบาะแบบ Advanced Comfort Seats เสริมโฟมเพิ่มอีก 10 มิลลิเมตร และออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ผสานเข้ากับแนวคิดการออกแบบ C-Zen Lounge Concept ที่ไม่มีจอมาตรวัดแยกชัด ทำให้มุมมองดูเปิดกว้าง
ส่วนการแสดงผล ได้ผสานมาตรวัดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแถบในแดชบอร์ด และยังมีการนำ Citroën Head-Up Display แบบใหม่มาใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งจะแสดงข้อมูลบนพื้นที่สีดำเงาระหว่างแดชบอร์ดและกระจกหน้า ส่วนหน้าจอสัมผัสมีขนาด 10.25 นิ้ว มาพร้อมกับระบบนำทางแบบ 3D รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay ปิดท้ายกับประโยชน์ใช้สอย อย่างความจุพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลัง 310 ลิตร
ขุมพลังของ Citroen C3 มีให้เลือกด้วยกันสองแบบ ดังรายละเอียดเบื้องต้นต่อไปนี้
- เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ แบบ 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 100 แรงม้า จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
- เครื่องยนต์เบนซิน Hybrid แบบ 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ Lithium-Ion 48 โวลต์ ทั้งระบบให้กำลังสูงสุด 100 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 205 นิวตันเมตร จับคู่อัตโนมัติ e-DSC 6 จังหวะ
ช่วงล่างของ Citroen C3 มอบความสะดวกสบายกับ Citroën Advanced Comfort Suspension ที่ใช้กลไกไฮดรอลิค ที่ช่วยรักษาระดับของรถยนต์บนทุกสภาพถนนและย่านความเร็ว ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มีทั้งระบบลดความเร็วโดยอัตโนมัติ Active Safety Brake ตรวจจับคนเดินถนนได้ ทำงานที่ความเร็ว 5 – 135 กิโลเมตร/ชั่วโมง และระบบแจ้งเตือนออกนอกช่องจราจร พร้อมหน่วงพวงมาลัยกลับ Active Lane Departure Warning
Citroen C3 มีให้เลือกด้วยกันสองรุ่นย่อย ประกอบด้วย You และ Max สนนราคาจำหน่ายในยุโรป โดยที่ไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทย 14,990 ยูโร (ราว 593,000 บาท) ถูกกว่ารุ่นที่ใช้ขุมพลัง EV ในชื่อ ë-C3 ซึ่งเริ่มต้นที่ 23,300 ยูโร (ราว 922,000 บาท) โดยจะเริ่มส่งมอบในฤดูร้อนปี 2024 หรือราวเดือนมิถุนายน – กันยายนนี้
ที่มา: Stellantis