ราคาจำหน่ายรถยนต์ป้ายแดงโดยเฉลี่ยในสหรัฐฯ ได้พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยตัวเลข 46,259 USD (ราว 1,684,000 บาท) สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของ Luca De Meo ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Renault Group ที่แสดงความคิดเห็นว่า “ยุคสมัยของรถยนต์ราคาถูก ได้สิ้นสุดลงแล้ว” พร้อมกับยกเหตุผลสนับสนุนหลายประการ
ประการแรก Meo ได้ยกตัวอย่างสถานการณ์ของ Renault เองซึ่งกลับมาทำกำไรได้ หลังขาดทุนอย่างต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์ที่เปลี่ยนไปคือ “เน้นมูลค่ามากกว่าปริมาณ” แตกต่างจากกลยุทธ์เดิมที่เอาปริมาณเข้าสู้ พร้อมให้ความสำคัญกับผลกำไร, การสร้างกระแสเงินสด และประสิทธิภาพในการลงทุน ผลลัพธ์คือบริษัทมีกำไร แม้ตัวเลขยอดขายจะลดลง 20%
(คนซ้าย Luca De Meo ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Renault Group)
ประการถัดมาคือเหตุเกิดจาก COVID โดย CEO ของ Renault Group อธิบายว่าโรคระบาดได้ทำให้ชิ้นส่วนขาดแคลนจนไม่สามารถผลิตรถยนต์ได้ ต่อให้ผลิตได้ก็ราคาสูงขึ้น แต่กลับมีผู้บริโภคที่มีกำลังแย่งกันซื้อ พิสูจน์จากผลประกอบการของผู้ผลิตรถยนต์ราคาแพง ที่ล้วนแล้วแต่มีผลกำไรทั้งสิ้นในช่วงนี้ สิ่งนี่เองทำให้ผู้ผลิตรถยนต์รู้ว่า ถึงราคาแพงขึ้นแต่ก็ยังมีคนซื้อ
ประการสุดท้ายตามทรรศนะของ Meo คือการผสมผสานของอัตราเงินเฟ้อ และการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าซึ่ง EV มักจะมีราคาขายสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อไม่มากแต่จำเป็นต้องหาซื้อรถยนต์ จึงพากันหันหน้าไปตลาดรถยนต์มือสอง แต่กลายเป็นว่าเมื่อมีอุปสงค์มากขึ้น อุปทานจากพ่อค้าก็บังเกิด ราคาจำหน่ายรถยนต์มือสองเลยพุ่งสูงขึ้น ตามราคารถยนต์ป้ายแดงไปอีกนั่นเอง
ที่มา: thedrive