ในช่วงต้นปี 2019 ถึง 2020 ก่อนการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ได้มีข่าวใหญ่ระดับโลกเกิดขึ้น เมื่ออดีตผู้บริหารของ Renault-Nissan-Mitsubishi Alliance ที่เรารู้จักกันดี นามว่า Carlos Ghosn ต้องลี้ภัยออกจากประเทศญี่ปุ่น หลังจากถูกจับกุมด้วยข้อหาทางการเงินหลายข้อหาตั้งแต่ พฤศจิกายน 2018
เรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ทั้งในประเด็นผลกระทบต่อทั้งภาพลักษณ์ การดำเนินกิจการ และสถานะทางการเงินของบริษัท Renault-Nissan โดยที่ Carlos Ghosn ก็ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง และกล่าวชัดเจนว่าการหลบหนีนี้ “ไม่ใช่การหลบหนีความผิด แต่เป็นการหลบหนีความไม่ยุติธรรมและการข่มเหงทางการเมือง”
ถึงกระนั้น Carlos Ghosn ยังคงถือหุ้นในบริษัท Renault อยู่ แม้ว่าเขาเอ่ยปากว่า “ยินดีที่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น Nissan อีกต่อไปแล้ว ขอบคุณพระเจ้า”
Carlos Ghosn เคยกล่าวไว้ในบทหนึ่งของหนังสือ Broken Alliances: Inside the Rise and Fall of a Global Automotive Empire อันเป็นการบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ Carlos Ghosn เข้ามาเป็นผู้บริหารของกลุ่ม Renault-Nissan จนไปถึงการจับกุมในปี 2018 ว่าการที่เขายังคงเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ นับเป็นการแสดงถึงความ “ศรัทธา และความภักดี” ต่อบริษัท แต่ในตอนนี้ Carlos Ghosn กลับมองว่า Renault-Nissan นั้น “มีเคราะห์กรรมเพราะการแก่งแย่งชิงดี” และ “การที่เขายังถือหุ้นอยู่ ไม่ใช่เพราะเขามั่นใจในบอร์ดบริหาร แต่เขาไม่มีทางเลือก”
หุ้น Renault ของ Carlos Ghosn นั้น เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ถูกทางรัฐบาลฝรั่งเศสยึดไป ระหว่างการสืบสวนประเด็นเรื่องการพำนักเพื่อผลประโยชน์ทางภาษีในประเทศฝรั่งเศส รวมไปถึงประเด็นการยักยอกเงินของ Renault เพื่อไปซื้อเรือยอร์ช และจัดปาร์ตี้วันเกิดให้กับภรรยาของ Carlos Ghosn ที่พระราชวังแวร์ซาย แต่ประเด็นนี้ก็ยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวน ยังไม่มีข้อสรุปออกมา
นอกจากนี้ ในเดือนที่ผ่านมา Carlos Ghosn ยังถูกศาลประเทศเนเธอร์แลนด์ตัดสินให้ต้องชดใช้สาขาย่อยของ Nissan ในประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นเงินจำนวน 5 ล้าน ยูโรอีกด้วย แต่ Carlos Ghosn ก็ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Carlos Ghosn ไม่คาดหวังว่าจะได้รับความยุติธรรมจากระบบศาลของญี่ปุ่น และคิดว่าการสืบสวนในฝรั่งเศสนั้นก็ได้รับอิทธิพลจากการตัดสินของญี่ปุ่นพอสมควร แต่ Carlos Ghosn ก็ยังมีความหวังว่าเขาจะยังกอบกู้ภาพลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ได้ เขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ได้รับ
Carlos Ghosn กล่าวปิดท้ายว่า “ตราบใดที่ญี่ปุ่นไม่ตัดสินให้เป็นผู้บริสุทธิ์ ผู้คนก็จะมีความเคลือบแคลงใจในตัวคุณ แต่ผมยอมรับสิ่งที่ดีรองลงมาได้ ถ้าสิ่งที่ดีที่สุดนั้นเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ดีรองลงมา คือการพ้นจากข้อกล่าวหาจากศาลในประเทศอื่น”
ที่มา : bloomberg.com