ขุมพลังดีเซลรหัส B57S จากค่ายใบพัดฟ้าขาว เป็นเครื่องยนต์ดีเซลหนึ่งเดียวบนโลกนี้ ที่มาพร้อมกับเทอร์โบ 4 ลูก เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2016 ทั้งนี้ ขุมพลังดังกล่าวจะยุติการผลิตในเดือนกันยายนนี้ เป็นผลมาจากเกณฑ์ควบคุมมลพิษที่เข้มงวดขึ้น บริษัทจึงเตรียมส่ง BMW X5 M50d และ X7 M50d Final Edition ที่ใช้ขุมพลังดังกล่าว มาเป็นการทิ้งท้ายในฐานะรุ่นพิเศษ ซึ่งจะมีการตกแต่งและเพิ่มลูกเล่นหลายรายการ
BMW X5 M50d และ X7 M50d Final Edition ดูไม่แตกต่างจากรุ่นปกติเท่าใดนัก แต่จะมีอุปกรณ์มาตรฐานมากกว่าเริ่มต้นกับ ไฟหน้าแบบ Laser light ส่วนภายในเพิ่ม กันเตะประตูระบุชื่อ Final Edition เสริมด้วยเบาะนั่งแบบ Comfort Seat, กระจกแบบกันเสียง Acoustic, เครื่องเสียง Harman Kardon, หน้าจอ Head-up Display, การสั่งการด้วยการโบกมือ Gesture Control และ การตกแต่งแบบ Crafted Clarity
ขุมพลังของ BMW X5 M50d และ X7 M50d Final Edition เป็นเครื่องยนต์ดีเซล รหัส B57S แบบ 6 สูบแถวเรียง 2,993 ซีซี เทอร์โบ 4 ตัว กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 84 x 90 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด : 16.0 : 1 กำลังสูงสุด 406 แรงม้า ที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ ขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ส่วนสมรรถนะ มีดังนี้
- BMW X5 M50d Final Edition ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 5.2 วินาที
- BMW X7 M50d Final Edition ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 5.4 วินาที
- ความเร็วสูงสุดของทั้งสองรุ่น จำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ที่น่าแปลกใจคือ ทางการระบุว่าน้ำมันเต็มถัง สามารถใช้เดินทางได้ไกลเกือบ 1,000 กิโลเมตร สำหรับระบบความปลอดภัยมีระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติมาให้ BMW X5 M50d และ X7 M50d Final Edition จะออกจำหน่ายที่ยุโรปตะวันออก และ ยุโรปกลางในฤดุร้อนนี้ หรือ ช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายน 2020