นับว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ปล่อยให้แฟนๆ คอยกันมานานกับ BMW i8 Roadster ที่ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในฐานะรถยนต์ต้นแบบตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งในตอนนี้ได้เปิดตัวรถยนต์คันจริงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมาพร้อมกับหลังคา Soft Top ทั้งยังมีการปรับปรุงช่วงล่าง และ แบตเตอรี่อีกด้วย ส่วนเครื่องยนต์ยังคงเดิม

จุดที่ทำให้ BMW i8 Roadster แตกต่างจากตัวถัง Coupe ไม่ได้มีเพียงหลังคาผ้าใบเท่านั้น แต่ยังมีการเปลี่ยนไปใช้กระจกประตูแบบไร้ขอบ พร้อมกับเพิ่มล้อขนาด 20 นิ้ว ลายใหม่มาให้ ซึ่งเบากว่าของเดิม 1 กิโลกรัม บริเวณเสา C-Pillar และด้านหลังจะติดโลโก้ Roadster มาให้ด้วย ส่วนฝากระโปรงหน้ามีช่อง air shutter มาให้

นอกจากนั้น ยังมีสีตัวถังใหม่อย่างสีส้ม E-Copper Metallic และสีเทา Donington Grey Metallic ด้วย ส่วนหลังคาผ้าใบของ BMW i8 Roadster ควบคุมการเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า ใช้เวลาในการทำงาน 15 วินาที เมื่อใช้ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเมื่อปิดหลังคาแล้ว จะมีพื้นที่เก็บของหลังเบาะคู่หน้าอีกประมาณ 100 ลิตร

ภายในห้องโดยสารปรับเปลี่ยนไปใช้ในรูปแบบ Carpo Interior Design ในโทนสี Ivory White/ Black นอกจากนั้น ยังมีการปรับไปใช้เบาะแบบใหม่ และสามารถเลือกตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุ Ceramic หรือ Carbon เพิ่มได้ด้วย หน้าจอสัมผัสเปลี่ยนไปใช้แบบใหม่ ทั้งยังมี Head-up Display ให้ติดตั้งเพิ่มด้วย

ขุมพลังของ BMW i8 Roadster ยังคงเป็นแบบ Plug-in Hybrid อยู่ โดยไม่ได้ปรับแต่งเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ตัวเดิม แต่มีการเพิ่มกำลังให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 12 แรงม้า จนเพิ่มเป็น 143 แรงม้า ทั้งยังเพิ่มความจุของแบตเตอรี่ lithium-ion จาก 7.1 kWh เป็น 11.6 kWh พร้อมเพิ่ม cell capacity ของแบตเตอรี่จาก 20 Ah เป็น 34 Ah


กำลังสูงสุดของ BMW i8 Roadster จึงเพิ่มเป็น 374 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทั้งยังสามารถเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเป็นระยะทางสูงสุด 53 กิโลเมตร และทำความเร็วสูงสุดในรูปแบบการขับขี่แบบ eDrive ที่ความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ช่วงล่างของ BMW i8 Roadster ยังได้รับการปรับปรุงในส่วนของสปริงและโช๊คอัพ ทั้งยังมีการติดตั้งระบบ Dynamic Damper Control และระบบช่วยควบคุมการทรงตัว Dynamic Stability Control มาให้ด้วย BMW i8 Roadster จะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนพฤษภาคม 2018 ผู้สนใจคอยติดตามชมข้อมูลเพิ่มเติมกันได้เลย


ที่มา: bmw


ในโอกาสเดียวกันนี้ ยังมีการปรับอุปกรณ์ของ BMW i8 Coupe ทุกอย่างตามที่รายงานมา ยกเว้นล้อคนละลาย, เปลี่ยนโลโก้รอบคันจาก Roadster เป็น Coupe, ใช้โทนสีภายในห้องโดยสารแบบ Ivory White และไม่มีการปรับปรุงช่วงล่าง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ลดลงเหลือ 4.4 วินาที ระยะทางที่เดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุดเพิ่มเป็น 55 กิโลเมตร