ข่าวคราวปลดพนักงานในอุตสาหกรรมยานยนต์จากบริษัทชั้นแนวหน้ามีมาอย่างต่อเนื่อง และรายล่าสุดเป็นของ Audi ที่มีรายงานต้นทางมาจาก Manager Magazin สื่อของเยอรมนีว่า บริษัทกำลังพิจารณาปลดพนักงาน 15% จากพนักงานทั้งหมดหรือคิดเป็น 4,500 ตำแหน่งเพื่อลดรายจ่าย เบื้องต้น แหล่งข่าวรายงานว่า 2,000 ตำแหน่งในนี้อาจเป็นงานที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่นในสายพัฒนา ส่วนพนักงานฝ่ายผลิตจะยังอยู่รอดปลอดภัย
Audi ยอมรับข่าวปลดพนักงานผ่านการให้สัมภาษณ์กับ reuters ด้วยว่าบอร์ดบริหารอยู่ระหว่างการจัดประชุมหาทางออกร่วมกับตัวแทนพนักงานจริง แต่ยังไม่เปิดเผยว่าจำนวนพนักงานที่ได้รับผลกระทบมีอยู่เท่าใด โดยข่าวนี้เผยแพร่หลังมีการเปิดเผยจาก Audi เมื่อไม่กี่วันก่อนว่าจะปิดโรงงานผลิตรถยนต์ใน Brussels เบลเยี่ยมในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025 หลังผู้ที่มีศักยภาพทั้ง 28 รายที่สนใจในโรงงานแห่งนี้ ไม่มีใครมีแผนธุรกิจที่เหมาะสม อนาคตของพนักงานกว่า 3,000 คน ที่โรงงานแห่งดังกล่าวจึงยังดูน่าเป็นห่วง
ข่าวการลดค่าใช้จ่ายของ Audi ถือว่าสอดคล้องกับรายงานยอดขายที่ลดลงในไตรมาสที่ 3 อย่างในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ของ Audi มียอดขายในช่วงดังกล่าวลดลงจากปีก่อน 21% และยอดขายแต่ละรุ่นต่างลดต่ำลงทั้งหมด มีเพียง 2 รุ่นเท่านั้นมียอดขายในเกณฑ์บวก แต่ทั้งสองรุ่นมียอดขายไม่สูงมากอย่าง e-tron GT ที่มียอดขายสูงขึ้น 5% เป็น 673 คัน และ Q3 ซึ่งมียอดสูงขึ้น 36% เป็น 7,422 คัน
ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่าไม่ได้มีแต่ Audi เพียงรายเดียวในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ต้องหาทางลดรายจ่าย แต่รายอื่นที่เป็นข่าวก่อนหน้ามีทั้ง Nissan ที่เตรียมลดคน 9,000 ตำแหน่ง แม้แต่บริษัทแม่ของ Audi อย่าง Volkswagen Group เองก็มีข่าวว่ากำลังพิจารณาปลดคนนับหมื่นตำแหน่ง ทั้งยังมีการวิเคราะห์ด้วยว่ากว่าจะถึงปี 2030 พนักงานในอุตสาหกรรมยานยนต์อาจตกงานสูงถึง 186,000 คน ซึ่งสาเหตุไม่ใช่แค่เรื่องยอดขายหดตัว แต่ยังรวมไปถึงเรื่องการเปลี่ยนถ่ายสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย