ครั้งแรกของสำนักแต่งคู่บุญค่ายใบพัดฟ้าขาวอย่าง Alpina ที่นำระบบ Mild Hybrid หรือ ระบบไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์ มาใช้กับรถยนต์ของตนใน Alpina D3 S เพื่อให้การตอบสนองไวขึ้นและประหยัดเชื้อเพลิงกว่าเคย ส่วนความแรงไม่ต้องเป็นห่วง เพราะลำพังดีเซล 6 สูบ เทอร์โบที่ Alpina จูนมาก็พกพากำลังมา 355 แรงม้า ส่วนแบบตัวถัง มีให้เลือกทั้ง 4 ประตู Saloon และ ตัวถัง 5 ประตู Touring
ภายนอกของ Alpina D3 S รักษาเอกลักษณ์ของความเป็น Alpina เอาไว้ทั้งสเกิร์ตหน้าคาดโลโก้, ล้อลายใบพัดซี่ถี่ และท่อไอเสียปลายคู่ออกสองฝั่ง พร้อมทางเลือกสีตัวถัง สีน้ำเงิน ALPINA Blue Metallic และ สีเขียว ALPINA Green Metallic ส่วนขนาดล้ออยู่ที่ 19 นิ้ว และสามารถเปลี่ยนเป็น 20 นิ้ว ได้แต่แลกกับความเร็วสูงสุดที่ลดลงจากเดิมราว 3 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ห้องโดยสารคงอัตลักษณ์ของสำนักไว้ด้วย โลโก้บนกันเตะประตู, เบาะ และ พรมพื้น ทั้งยังมีป้ายบอกหมายเลขประจำรถ เบาะเป็นแบบ Sport Seats หุ้มด้วย Alcantara และ Sensatec ส่วนพวงมาลัยเป็นทรง Sports เช่นกันหุ้มหนัง LAVALINA ตัดเย็บด้วยมือ ระบบแสดงผลมี BMW Live Cockpit มาให้ พร้อมปรับมาตรวัดดิจิตอลใหม่ ให้แสดงผลแบบพื้นสีน้ำเงินและเข็มสีแดง
ขุมพลังของ Alpina D3 S ทั้งสองแบบตัวถังเป็น เครื่องยนต์ดีเซล แบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 2,993 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 84.0 x 90.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.5 : 1 เทอร์โบ กำลังสูงสุด 355 แรงม้า ที่ 4,000 – 4,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 730 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive และทำสมรรถนะได้ดังนี้
- อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตัวถัง 4 ประตู Saloon ใช้เวลา 4.6 วินาที และ ตัวถัง 5 ประตู Touring ใช้เวลา 4.8 วินาที
- ความเร็วสูงสุด ตัวถัง 4 ประตู Saloon ทำได้ 273 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ ตัวถัง 5 ประตู Touring ทำได้ 270 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Alpina D3 S เปิดรับจองแล้วในเยอรมนี และมีกำหนดการเริ่มส่งมอบในเดือนพฤศจิกายน สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่นั่น โดยยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทย และแบ่งตามประเภทตัวถังได้ดังนี้
- ตัวถัง 4 ประตู Saloon ราคา 70,500 ยูโร (ราว 2,463,000 บาท)
- ตัวถัง 5 ประตู Touring ราคา 71,900 ยูโร (ราว 2,512,000 บาท)