Nissan Murano เปิดตัวรุ่นล่าสุดแล้วที่สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2024 โดยนับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ของตระกูล มีดีไซน์ที่สง่าและทันยุคสมัยกว่าเคย ทั้งยังมีขนาดกว้างขึ้นจากรุ่นก่อน 66 มิลลิเมตร พร้อมกางโป่งหลังให้กว้างขึ้นเพื่อสื่อถึงความทรงพลัง และยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีหลายรายการ ที่ติดตั้งเป็นครั้งแรกของ Nissan Murano ด้านมิติตัวถังมีรายละเอียดดังนี้
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,900 x 1,981 x 1,725 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,824 มิลลิเมตร
ภายนอกของ All NEW Nissan Murano มีเส้นสายตัวถังลื่นไหลตลอดคัน คงอัตลักษณ์ของค่ายกับกระจังหน้าแบบ V-motion พร้อมแบ่งไฟหน้าออกเป็นสองชั้น และยังแทรกไฟ DRL ชั้นล่างแบบ LED ในซี่กระจังอย่างแนบเนียน ฝาท้ายดีไซน์สะอาดตาด้วยแถบไฟ LED ทรงเพรียวยาว ทั้งยังซ่อนใบปัดน้ำฝนหลังและปลายท่อไอเสียด้วย ส่วนจุดติดป้ายทะเบียนหลังย้ายลงกันชน ตัวฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า และเพิ่มระบบเตะเปิดในรุ่นท็อป ปิดท้ายกับขนาดล้อ 20 – 21 นิ้ว
All NEW Nissan Murano รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง พวงมาลัยเป็นแบบสองก้านดีไซน์ใหม่สะดุดตา การตกแต่งรอบคันเน้นความพรีเมี่ยม ด้วยการใช้วัสดุบุนุ่มทุกจุดสัมผัส การเปลี่ยนเกียร์ใช้ปุ่มกด ส่วนลูกเล่นมีทั้งหน้าจอแสดงผลคู่ ขนาดจอละ 12.3 นิ้ว, ไฟ Ambient Lighting ปรับได้ 64 สี, หลังคา Panoramic Sunroof พร้อมที่บังแดดไฟฟ้า และแผงควบคุมระบบปรับอากาศแบบไวต่อการสัมผัส ผู้โดยสารด้านหลังนั่งสบายด้วยเบาะหน้าที่บางลง และยังติดตั้งเบาะหลังแบบ Zero Gravity มาให้ ขึ้นลงสะดวกด้วยประตูที่เปิดได้กว้างกว่าเคย
ขุมพลังของ All NEW Nissan Murano เป็นเครื่องยนต์เบนซิน รหัส KR20DDET แบบ 4 สูบ ขนาด 1,970 – 1,997 ซีซี. เทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 84.0 x 88.9 – 90.1 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 8.0 – 14.0 : 1 กำลังสูงสุด 241 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 353 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า หรือ ขับเคลื่อนสี่ล้อ Intelligent AWD ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Strut พร้อม Coil Spring ส่วนด้านหลังเป็นอิสระ Multi-Link
ด้านระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ All NEW Nissan Murano ติดตั้งกล้องมองภาพรอบคันแบบสามมิติเป็นครั้งแรก 3D Intelligent Around View Monitor โดยมีลูกเล่นมองทะลุฝากระโปรงหน้า เพื่อให้เห็นมุมอับใต้ท้องรถได้ชัดขึ้น และยังมีระบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ProPILOT Assist ที่ทำงานร่วมกับระบบนำทาง เพื่อประมวลผลสภาพถนนเบื้องหน้า ปิดท้ายด้วยรุ่นย่อยที่มีให้เลือก 3 รุ่น ประกอบด้วย SV, SL และ Platinum สำหรับกำหนดการออกจำหน่ายที่สหรัฐฯ จะเริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2025 และจะมีการประกาศราคาอีกครั้ง
ที่มา: Nissan