ห่างหายการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ไปนานสำหรับ Lotus ที่กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่พร้อม Lotus Evija (อ่านว่า e-vi-ya) ครั้งแรกของค่ายที่หันมาใช้พลังงานไฟฟ้า EV และมีกำลังสูงสุดเท่าที่ Lotus เคยผลิตมา ส่วนชื่อมีรากศัพท์มาจาก Eve หมายถึง เป็นครั้งแรก หรือ มีหนึ่งเดียว สมกับคุณสมบัติของรถยนต์คันนี้ ด้านมิติตัวถังมีรายละเอียดดังนี้ : ยาว x กว้าง x สูง : 4,459 x 2,000 x 1,122 มิลลิเมตร
ภายนอกของ Lotus Evija มีช่องดักลม Venturi ที่ส่งลมที่เข้ามาปะทะออกหลังรถรอบคัน เพื่อให้รีดลมได้สูงสุด ไฟหน้าเป็นแบบ Laser อยู่ในโคมแนวตั้ง ด้านในมีหลอดไฟ LED ทรงปีกนกซ้อนกัน 2 ชั้น ล้อทำจากแมกนีเซียม เพื่อรีดน้ำหนักสูงสุด มีขนาด 20 นิ้ว ในด้านหน้า และ 21 นิ้ว ในด้านหลัง มาพร้อมยาง Pirelli Trofeo R ปิดท้ายกับประตูเปิดออกแบบปีกนก และไม่มีมือเปิดประตูมาให้
การเข้าห้องโดยสารทำได้ด้วยการกดกุญแจรีโมท เมื่อเข้าไปแล้ว ค่อยกดปุ่มปิดบนแผงควบคุมเหนือศีรษะ ส่วนการตกแต่งเน้นความเรียบง่าย มีเพียงหน้าจอแสดงผลจอเดียวหน้าพวงมาลัย รอบห้องโดยสารตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์, alcantara และโลหะ ส่วนพวงมาลัยมีระบบปรับรูปแบบการขับขี่ ปรับได้ 5 แบบ คือ Range, City, Tour, Sport และ Track ส่วนเข็มขัดนิรภัยมีให้เลือกทั้งแบบ 3 และ 4 จุด
ขุมพลังของ Lotus Evija เป็นพลังงานไฟฟ้า EV ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว และแบตเตอรี่ ขนาด 2,000 กิโลวัตต์ กำลังสูงสุด 2,000 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 1,700 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำอัตราเร่ง 0 – 100 และ 0 – 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3 และ 9 วินาที ตามลำดับ ความเร็วสูงสุดทำได้มากกว่า 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง
แบตเตอรี่ติดตั้งอยู่กลางลำ ด้านหลังห้องโดยสารไม่ได้อยู่ที่พื้นรถยนต์ โดยอยู่ด้านบนและมีฝากระโปรงหลังแบบใส เหมือนรถยนต์วางกลางทั่วไปซึ่ง Lotus ให้เหตุผลว่าง่ายต่อการบำรุงรักษา และการขยับขยาย step กรณีจะเอาไปลงสนาม ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 1,680 กิโลกรัม ถือว่าเป็นรถยนต์ hypercar ไฟฟ้า EV ระดับ mass production ที่เบาที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยอานิสงส์เปลือกตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์
ด้านการขับขี่ Lotus Evija มีระบบกระจายแรงบิด สามารถควบคุมแต่ละล้อได้อย่างอิสระ ให้ส่งกำลังลงล้อตั้งแต่ 2 – 4 ล้อ ส่วนระบบหล่อเย็นมีมาให้ถึง 4 ชุด เพื่อให้แบตเตอรี่มีอุณหภูมิคงที่ พร้อมส่งมอบสมรรถนะได้อย่างไม่มีสะดุด โดยในรูปแบบการขับขี่แบบ Track Mode สามารถหวดสุดอย่างต่อเนื่องนาน 7 นาที ระบบเบรก forged เป็นของ AP Racing มาพร้อมจานเบรกคาร์บอนเซรามิค
การชาร์จผ่านระบบไฟขนาด 350 กิโลวัตต์ สามารถอัดไฟจนถึงระดับ 80 และ 100% ภายใน 12 และ 16 นาที ทั้งยังรองรับการชาร์จขนาด 800 กิโลวัตต์ ซึ่งยังไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าใดนักในปัจจุบัน แต่สามารถมาชาร์จไฟจนเต็ม 100% ได้ ภายในเวลาเพียง 9 นาที หากไฟเต็มแบตจะเดินทางได้สูงสุด เป็นระยะทาง 400 กิโลเมตร สำหรับจุดชาร์จอยู่ด้านหลัง กึ่งกลางท้ายรถใต้สัญลักษณ์ Lotus
Lotus Evija จะผลิตจำนวนจำกัดเพียง 130 คัน เทียบเท่ารหัสตัวถัง Type 130 และจะเริ่มประกอบที่โรงงานดั้งเดิมของค่ายที่ Hethel ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป สนนราคาจำหน่ายที่ยังไม่รวม ภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 1,700,000 ปอนด์ (ราว 65,454,000 บาท)
ผู้สนใจสามารถสั่งจองได้ที่ www.lotuscars.com พร้อมกับวางเงินจองมูลค่า 250,000 ปอนด์ (ราว 9,625,000 บาท) นอกจากนั้น บริษัทระบุว่ามีแผนการจำหน่ายรถยนต์รุ่นนี้โดยตรง ผ่านผู้แทนจำหน่ายทั่วโลก 220 แห่ง ทั้งยังมีแผนเตรียมการให้บริการหลังการขาย และชิ้นส่วนทดแทนด้วย
ที่มา: Lotus