สังเวียน Hot Hatch กลับมาร้อนระอุกันอีกครั้ง หลังจาก Ford ออกมาเผยโฉม All NEW Focus ST ตัวแรงที่อัปเกรดขึ้นจาก Focus ตัวปกติ แต่ยังไม่ถึงขั้นฮาร์ดคอร์ระดับ Focus RS ซึ่งแน่นอนว่า คู่ปรับตัวฉกาจที่มีพิกัดตรงรุ่นที่สุด เห็นทีก๋คงจะหนีไม่พ้น Hot Hatch ยอดฮิตจากฝั่งเยอรมนีอย่าง Volkswagen Golf GTI
แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยความพิเศษที่ All NEW Focus ST จะงัดออกมาสู้ในศึกครั้งนี้ก็คือ การอัปเกรดสมรรถนะในด้านขุมพลังให้ดุดันขึ้นกว่าเดิม โดยถูกแบ่งออกเป็น 2 บล็อก 2 รูปแบบ ได้แก่
เบนซิน 2.3 ลิตร EcoBoost
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.3 ลิตร เทอร์โบ Twin-Scroll ให้กำลังสูงสุด 280 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 3,000-4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ หรือ ธรรมดา 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อม eLSD โดยเคลมอัตราเร่ง 0-100 km/h ไว้ว่า ทำได้ต่ำกว่า 6 วินาที
สำหรับเครื่องยนต์บล็อกดังกล่าวเป็นการนำมาจาก Focus RS โดยปรับลดพละกำลังลง แต่อย่างไรก็ตาม มันจะมีแรงม้ามากขึ้น 12% แรงบิดเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมที่ใช้เป็นแบบ เบนซิน 2.0 ลิตร EcoBoost
ดีเซล 2.0 ลิตร EcoBlue
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (PS) ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 2,000-3,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ หรือ ธรรมดา 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมระบบ Torque Vectoring
ขณะเดียวกัน ในส่วนของชุดเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ก็ยังมาพร้อมกับการทำงานของระบบ Rev-Matching ที่ช่วยเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ ตลอดจนลดอาการกระชากระหว่างเปลี่ยนเกียร์ในตำแหน่งที่ต่ำลง ขณะเดียวกัน ทางด้านชุดเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ก็ได้ผสานการทำงานเข้ากับระบบ Adaptive Shift Scheduling ซึ่งจะประเมินรูปแบบการขับขี่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำหนดเวลาการเปลี่ยนเกียร์
ขยับมาต่อเนื่องกันถึงเรื่องราวในด้านการขับขี่ควบคุม All NEW Focus ST ถูกปรับจูนใหม่ในหลายๆส่วน ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วงล่างแบบ Continuously Controlled Damping (CCD) ซึ่งตัวช็อกอัปจะมีค่าความหนืดมากขึ้นกว่า Focus รุ่นปกติ 20% ที่ด้านหน้า และ 13% ทางด้านหลัง และส่งผลให้ความสูงของตัวรถ จะต่ำลง 10 มิลลิเมตร
ตลอดจนระบบบังคับเลี้ยว EPAS จะถูกปรับให้มีความกระชับมากขึ้น 15% เมื่อเทียบกับ Focusรุ่นปกติ รวมไปถึงระบบเบรก ที่ตัวจานเบรกจะมีขนาดใหญ่โตมากขึ้น และใช้คาลิปเปอร์เบรกแบบ 2 Pot สำหรับล้อหน้า ขณะเดียวกัน ยังได้นำเทคโนโลยี Electric Brake Booster มาใช้ โดยกล่าวว่า จะสามารถสร้างแรงดันเบรกได้รวดเร็วระบบ Hydraulic
สำหรับการตกแต่งภายนอก ถูกยกระดับความสปอร์ตมากขึ้นด้วย กระจังหน้าลวดลายรังผึ้งสีดำ ประกอบกับช่องดักอากาศด้านล่าง และขอบคิ้วบริเวณด้านซ้าย-ขวา ดีไซน์น่าเกรงขาม ที่ใช้การพ่นด้วยสีดำเช่นเดียวกัน และติดตั้ง ชุดโคมไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟ LED DRLs และไฟตัดหมอก
ขณะที่ทางด้านท้าย เพิ่มความโดดเด่นบริเวณกันชนด้านล่าง ที่ให้ดีไซน์ที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยม พร้อมทั้งมีปลายท่อไอเสียแบบ แยกพ่นออก 2 ข้าง รวมถึงชุดโคมไฟท้ายแบบ LED และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ตราสัญลักษณ์ “ ST “ ทั้งทางด้านหน้า-ท้าย เพื่อบ่งบอกถึงความพิเศษที่เหนือกว่า Focus ทั่วไป
อย่างไรก็ดี สีตัวถังภายนอก จะมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ด้วยกันคือ สีน้ำเงิน Ford Performance Blue, สีส้ม Orange Fury, สีขาว Frozen White, สีเทา Magnetic Grey, สีแดง Race Red, สีแดง Ruby Red และ สีดำ Shadow Black ส่วนวงล้ออัลลอย ก็จะมีออปชั่นให้เลือกทั้ง ขนาด 18 นิ้ว แบบ Dark Sparkle และ Magnetite รวมถึง ขนาด 19 นิ้ว แบบ Magnetite
ด้านห้องโดยสารภายใน ผสมผสานการตกแต่งที่ให้อารมณ์สปอร์ต และครบเครื่องด้วย ชุดเบาะคู่หน้าสไตล์ Bucket Seatจาก Recaro ซึ่งจะมีวัสดุที่ใช้ห่อหุ้มให้เลือกทั้ง ผ้า, หนัง และ หนัง Miko Dinamica ส่วนพวงมาลัย ก็มาในสไตล์สปอร์ตแบบ 3 ก้านท้ายตัด หุ้มหนัง พร้อมทริมตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน Aluminium
ตลอดจนระบบความบันเทิงให้มาเป็นแบบ SYNC 3 ซึ่งทำงานผ่านหน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto อีกทั้งมีระบบ FordPass Connect ซึ่งเป็น WiFi Hotspot ที่แชร์สัญญาณ Internet ภายในรถ โดยสามารถเชื่อมต่อการใช้งานได้สูงสุด 10 อุปกรณ์
ทั้งนี้ All NEW Focus ST จะแบ่งการทำตลาดออกเป็น 2 รูปแบบตัวถัง คือ Hatchback และ Wagon โดยมีกำหนดการออกจำหน่ายในตลาดยุโรปช่วงฤดูร้อน 2019 นี้ (มิถุนายน-สิงหาคม) เป็นต้นไป
ที่มา : carscoops
อ่านเพิ่มเติม : รายละเอียด All NEW Ford Focus สร้างบน C2 Platform ใหม่ ด้วยเทคโนโลยีใหม่หมดจด >> http://www.headlightmag.com/all-new-ford-focus/
รายละเอียด All NEW Ford Focus สร้างบน C2 Platform ใหม่ ด้วยเทคโนโลยีใหม่หมดจด