By GigaBright
ถึงเวลาที่ค่ายโบว์ไทด์หัวใจอเมริกันอย่าง Chevrolet จะต้องมาแก้เกมคืนสักที หลังจากที่ปล่อยให้ค่ายอื่นปล่อยรถยนต์รุ่นใหม่มาสู่ตลาดระกระบะขนาดกลาง (Mid-size pickup) กันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Jeep Gladiator, Honda Ridgeline, Toyota Tacoma และ Ford Ranger ซึ่งในคราวนี้เป็นคิวของ “Next Gen Chevrolet Colorado” รุ่นปี 2023 ที่จะเข้ามาเสริมทัพให้กับแบรนด์ Chevrolet และตอกย้ำความเป็นรถกระบะพันธุ์แกร่งขวัญใจขาลุยตัวจริง
สำหรับการมาถึงของ All NEW Chevrolet Colorado หรือ 2023 Colorado นั้นนับเป็นเจนเนอรเชั่นที่ 3 แล้วหลังจากที่ชื่อของ Colorado ถูกนำมาใช้ทำตลาดครั้งแรก ซึ่งความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นไปในทิศทางที่แข็งแกร่งและดุดันมากยิ่งขึ้น เส้นสายดีไซน์ภายนอกถูกออกแบบมาให้ดูบึกบึนและใหญ่โตกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด โดยตัวรถมีขนาดกว้างขึ้น 2.3 นิ้ว และระยะฐานล้อ(Wheel base) ยาวขึ้นจากเดิมอีก 3.1 นิ้ว นอกจากนี้แล้ว Next Gen Colorado ยังมีระยะที่ยื่นออกมาจากล้อหน้า(Overhang) สั้นลงเพื่อเพิ่มความสามารถในการขับขี่ที่สมบุกสมบัน มีผลทำให้องศามุมเงยเพิ่มขึ้นจาก 31.8 เป็น 38.3 องศาเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ในความเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นก็ต้องมีบางสิ่งที่ถูกลดทอนออกไปบ้าง นั่นก็คือรูปแบบของตัวถังรุ่นแคปธรรมดา(Short-cab) และกระบะตอนเดียว(Long-bed) ที่จะถูกตัดออกไป เหลือเพียงรุ่น 4 ประตู(Crew cab) เท่านั้น แต่สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อแลกเปลี่ยนกันนั้นก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย เพราะ New Colorado มาพร้อมกับรุ่นย่อยทั้งหมดถึง 5 รุ่นย่อยด้วยกันเพื่อที่จะตอบสนองทุกรูปแบบการใช้งาน ประกอบไปด้วย WT(Work truck), LT, Z71, Trail Boss ซึ่งเป็นรุ่นย่อยใหม่ในโฉม 2023 นี้ และรุ่น ZR-2 อันเป็นรุ่นสูงสุดนั่นเอง
สำหรับขุมพลังของ All NEW Chevrolet Colorado นั้นจากเดิมที่มีหลายบล็อคให้เลือก มาในวันนี้ถูกปรับลดเหลือเครื่องยนต์เพียงขนาดเดียว นั่นคือเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร Turbo แต่จะมีการปรับจูนพละกำลังและแรงบิดให้แตกต่างกันในแต่ละรุ่นย่อย ดังนี้
- Base ในรุ่น รุ่น WT และ LT ให้พละกำลังสูงสุด 237 แรงม้า แรงบิด 351 นิวตันเมตร (จากการประมาณการของ GM)
- Mid-range ในรุ่น Z71 และ Trail Boss ให้พละกำลังสูงสุด 310 แรงม้า แรงบิด 528 นิวตันเมตร
- High-output ในรุ่น ZR-2 ให้พละกำลังสุงสุด 310 แรงม้า แรงบิด 583 นิวตันเมตร
โดยทุกรุ่นย่อยจะจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 จังหวะเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่นั่นเอง สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ถึง 5 รูปแบบ นั่นคือ Normal, Tow/Haul, Off-raod, Terrain และ Baja
ในด้านฟีตเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นถูกประโคมมาให้เต็มคัน เริ่มตั้งแต่ชุดไฟหน้าแบบ LED ในรุ่น Z71, ล้อแม็กขนาด 18 นิ้วในรุ่น ZR-2 Trai และ Boss ซึ่งทาง Chevrolet ได้ปรับขนาดดุมล้อใหม่ให้เท่ากันกับใน Chevrolet Silverdo เพื่อเอาใจลูกค้าที่อยากจะตกแต่งรถได้สะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ All NEW Chevrolet Colorado ยังมีแผ่นกันกระแทกใต้เครื่อง(Skid plate) ที่ถูกติดตั้งมาจากโรงงาน รองรับการขับขี่บนเส้นทางแบบออฟโรด รวมไปถึงชุดฝากระบะท้ายที่มีระบบช่วยผ่อนแรงและสามารถล็อคตำแหน่งได้ ทำให้การบรรทุกสัมภาระที่มีความยาวนั้นง่ายยิ่งขึ้น ด้านในของฝานั้นยังมีช่องเก็บของขนาดใหญ่ที่มีความกว้างถึง 45 นิ้ว สามารถใช้เก็บเครื่องมือช่างหรือเป็นคูลเลอร์ขนาดย่อมๆก็ทำได้อย่างง่ายดาย
มาที่สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสารกันบ้าง All NEW Chevrolet Colorado มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 11 นิ้วบริเวณกลางคอนโซล และมาตรวัดขนาด 8 นิ้วสำหรับผู้ขับขี่, Wireless charging และครั้งแรกกับซันรูฟไฟฟ้าที่ถูกติดตั้งใน Colorado ส่วนไฮไลท์ที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกอย่างสำหรับรถกระบะนั่นก็คือ กล้องแสดงภาพรอบคัน(Around view monitoring) รองรับการแสดงผลแบบ Hitch guiding view ทำงานร่วมกับ Chevy Trailoring app(เฉพาะรุ่น ZR-2) นอกจากนี้ยังได้เพิ่มเติมในส่วนของกล้องใต้รถเพื่อให้สามารถกะระยะและขับขี่ผ่านอุปสรรคไปได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งออพชั่นนี้สงวนไว้ให้เฉพาะในรุ่น Z71 และ ZR-2 เท่านั้น
ส่วนรุ่นย่อย Trail Boss อันเป็นน้องใหม่ของตระกูล Chevrolet Colorado เกิดจากความตั้งใจของ Chevrolet ที่จะผสานระหว่างการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันเข้ากับความเป็นรถออฟโรดสมรรถนะสูงในราคาที่จับต้องได้ โดยมีจุดต่างที่ชัดเจนจากรุ่นมาตรฐานอยู่ที่ช่วงล่างและล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว ในชณะที่รุ่น ZR-2 นั้นจะถูกยกสูงเพิ่มขึ้นไปอีก 2 นิ้ว ทำให้ระยะใต้ท้องรถ(Ground clearance) สูงถึง 10.7 นิ้ว ทำงานร่วมกันกับระบบช่วงล่างแบบ Multimatic DSSV Damper และปีกนกที่ทำจากวัสดุชุบแข็งชนิดพิเศษ, ระบบล็อคเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า, Skid plate ที่ทำจากวัสดุอลูมิเนียมอัลลอย, ชุดกันชนหน้า-หลังที่ออกแบบพิเศษเพื่อรองรับการขับขี่ออฟโรดมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ที่ต้องการมากกว่าคำว่ารุ่นท็อป Chevrolet ยังมีรุ่นพิเศษเพิ่มเติมให้กับ Chevrolet Colorado ขึ้นมาให้อีก นั่นก็คือ “ZR-2 Dessert Boss” ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรายการแข่งขันรถออฟโรดชื่อดัง ซึ่งรุ่นพิเศษนี้จะถูกตกแต่งเพิ่มเติมด้วยอุปกรณ์ต่างๆเข้าไปอีกหลายรายการจากรุ่น ZR-2 อันประกอบไปด้วย
- ล้อแม็กขนาด 17 นิ้วสีดำ-เทารัดด้วยยาง Mud-Terrain ขนาด 32 นิ้ว
- ชุดกันชนหน้าพร้อมการ์ดกันกระแทกดีไซน์เฉพาะ
- โรลบาร์บริเวณกระบะท้ายดีไซน์สปอร์ตพร้อมไฟส่องสว่างติดตั้งด้านบน
- กล้องมองภาพใต้ท้องรถ
- สติ๊กเกอร์ลายพิเศษพร้อมชื่อรุ่น “Dessert Boss” และตัวอักษรโลโก้สีดำ
ราคาค่าตัวของ All NEW Chevrolet Colorado นั้นยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ คาดว่าน่าจะได้ทราบกันภายใน 1-2 เดือนข้างหน้านี้ ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายจริง(Mass produciton) จะเริ่มต้นในช่วงครึ่งแรกของปี2023 ที่โรงงาน GM’s Wentzille รัฐ Missouri ประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดและราคาของ All new Colorado ทาง Headlightmag จะนำมาอัพเดทให้คุณผู้อ่านได้รับชมกันอย่างแน่นอนครับ
ที่มา: Chevrolet