หลังจากที่ Nissan Note มีรุ่น Minorchange เปิดตัวที่ญี่ปุ่นในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ล่าสุด ทางการได้ส่งรุ่นยกสูงในชื่อ Nissan Note Autech Crossover ตามมาแล้ว คงเอกลักษณ์ช่วงล่างยกสูงขึ้นจากเดิมอีก 25 มิลลิเมตร ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้มีความเป็นรถยนต์ SUV มากขึ้น แต่ยังให้ทัศนวิสัยที่ดีกว่า พร้อมทรงเครื่องอุปกรณ์ตกแต่งรอบคัน และปรับแต่งการตอบสนองพวงมาลัยไฟฟ้าใหม่โดยเฉพาะ

ภายนอกของ Nissan Note Autech Crossover ปรับแต่งดีไซน์กันชนใหม่ให้มีแถบโลหะสองชั้น ติดอยู่ใต้โคมไฟหน้าถัดจากขอบกระจังหน้า ชายกันชนล่างเปลี่ยนใหม่ พร้อมกับย้ายตำแหน่งไฟ LED จากเหนือสเกิร์ตลงไปอยู่ขอบล่างสุด ทั้งยังมีการปรับดีไซน์ชายกันชนหลังใหม่ ส่วนเอกลักษณ์กาบพลาสติกรอบคันและกระจกมองข้างสีเงิน รวมถึงล้อขนาด 16 นิ้ว ยังคงเดิม ปิดท้ายกับยาง Bridgestone ECOPIA EP150 ขนาด 185/60

 

สีตัวถังมี 8 แบบ ประกอบด้วย สีน้ำเงิน Aurora Flare Blue Pearl (สี Monotone หรือ ตัดหลังคาสีดำ Super Black), สีทอง Sunrise Copper ตัดหลังคาสีดำ สีขาว Pure White Pearl, สีดำ Super Black, สีเทา Stealth Gray, สีแดง Garnet Red และ สีฟ้า Turquoise โดยสองสีแรกเป็นสีพิเศษเฉพาะรุ่น ส่วนภายในยังคงตกแต่งด้วยโทนสีดำพร้อมเดินตะเข็บด้ายสีฟ้า รวมถึงประทับตราชื่อรุ่นบนเบาะ พร้อมกันนั้นยังเพิ่มประโยชน์ใช้สอยด้วยการขยายความจุเก๊ะเก็บของฝั่งผู้โดยสาร และแบ่งช่องเก็บของออกเป็นสองชั้น

Nissan Note Autech Crossover มาพร้อมกับขุมพลัง e-POWER เช่นเดิม ประกอบด้วย เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 3 สูบ รหัส HR12DE ขนาด 1,198 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 78.0 x 83.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 กำลังสูงสุด 82 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บยังแบตเตอรี่ และ แบ่งเป็นสองรุ่นย่อยได้ดังนี้

 

  • e-POWER 2WD: เครื่องยนต์ HR12DE + มอเตอร์ไฟฟ้าหน้า รหัส EM47 กำลังสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 2,900 – 10,341 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 0 – 2,900 รอบ/นาที ขับเคลื่อนล้อหน้า
  • e-POWER 4WD: เครื่องยนต์ HR12DE + มอเตอร์ไฟฟ้าหน้า EM47 + มอเตอร์ไฟฟ้าหลัง รหัส MM48 กำลังสูงสุด 68 แรงม้า ที่ 4,775 – 10,024 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร ที่ 0 – 4,775 รอบ/นาที ขับเคลื่อนสี่ล้อ

ข้อมูลของ Nissan Note Autech Crossover โฉม Minorchange ได้รับการเปิดเผย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2024 ก่อนถึงกำหนดการออกจำหน่ายในเดือนกันยายน 2024 ซึ่งจะมีให้เลือกด้วยกันสองรุ่นย่อย สนนราคาจำหน่ายที่นั่น โดยที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทย 2,756,600 เยน (ราว 644,000 บาท) ในรุ่น 2WD และ 3,063,500 เยน (ราว 716,000 บาท) ในรุ่น 4WD

 

ที่มา: Autech, car.watch.impress