ค่ำคืนวันที่ 3 มกราคม 2022 ที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย DAIMLER AG ได้เผยโฉมต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้า 100% พิสัยไกล อย่าง Mercedes-Benz Vision EQXX หลังจากการปล่อยทีเซอร์ออกมาก่อนหน้านี้ โดยชูจุดเด่นเรื่องระยะทางการวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งไม่ได้มาจากการใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว ทว่าเป็นผลจากการออกแบบที่คำนึงหลักอากาศพลศาสตร์ด้วย
ตัวถังภายนอกของ Mercedes-Benz Vision EQXX นี้ มาในรูปแบบ Sport Sedan 4 ประตู ทรงสปอร์ต มีจุดเด่นอยู่ที่ครีบดิฟฟิวเซอร์ใต้กันชนหลังที่สามารถยืดหดได้เพื่อช่วยให้อากาศไหลผ่านตัวรถได้ดีขึ้น จนทำให้รถต้นแบบคันนี้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน หรือ Coefficient Drag ต่ำเพียง 0.17 เท่านั้น
ตัวเลขมิติตัวถังภายนอก ยังไม่ได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ทราบเพียงว่าต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้าทรงลิ่มคันนี้ จะมาพร้อมกับความยาวฐานล้อ 2,800 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักตัวรถเปล่า (Gross Weight) ราวๆ 1,750 กิโลกรัม
อีกหนึ่งความน่าสนใจของ Mercedes-Benz Vision EQXX คือ แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง โดยพลังงานกว่า 95% ของแบตเตอรี่จะถูกส่งถึงล้อ ซึ่งทาง Mercedes-Benz นำเทคโนโลยีจากรถ Formula 1 มาใช้ นั่นทำให้แบตเตอรี่มีค่าความหนาแน่นของพลังงานสูงเมื่อเทียบกับน้ำหนัก และนั่นทำให้ประสิทธิภาพของรถสูงขึ้นไปอีกเมื่อรวมกับระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีแรงเสียดทานน้อยลง อีกทั้งยังมีการติดตั้งแผง Solar Cell เพื่อใช้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในตัวรถ ลดโหลดของแบตเตอรี่ลงไป คล้ายกับระบบที่ใช้ใน Toyota Prius
แม้จะยังไม่มีการระบุตัวเลขสเป็กออกมา แต่ทว่าตัวเลขเคลมที่ระบุระยะทางวิ่งสุดเอาไว้มากกว่า 1,000 กิโลเมตร ทำให้เมื่อคำนวนออกมาแล้วจะพบว่า Vision EQXX ใช้ไฟน้อยกว่า 10 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น คงต้องยกตัวอย่างกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่เราเคยนำมาทดสอบ อย่าง ORA Good Cat 500 ULTRA ที่มีอัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าประมาณ 19.5 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร
ภายในห้องโดยสาร มีการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อันเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรง เช่น ใยเห็ด กระบองเพชร ไม้ไผ้ และผ้าไหม วัสดุธรรมชาติเหล่านี้ นอกจากจะเป็นการลดการใช้วัสดุที่ทำมาจากสัตว์แล้ว ยังเป็นการลดปริมาณ Carbon Footprint ลงจากวัสดุหนังเกินครึ่งหนึ่ง
ในอนาคต Mercedes-Benz Vision EQXX จะเปิดตัวออกมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% เวอร์ชั่นผลิตขายจริงรุ่นไหน ต้องติดตามกันต่อไป หากมีรายละเอียดเพิ่มเติม ทีมงาน Headlightmag จะนำมารายงานให้ทราบกันอีกครั้ง
ที่มา : DAIMLER