“Mercedes-Maybach” ชื่อนี้หลายคนคงคุ้นหูกันดี นับตั้งแต่ในช่วงปี 2015 ที่กลุ่ม Daimler AG ได้ประกาศให้ Maybach กลายสถานะเป็น Sub-Brand เวอร์ชั่นหรูของ Mercedes พร้อมกันกับเวอร์ชั่นสปอร์ต อย่าง Mercedes-AMG ก่อนที่ Mercedes-Maybach S-Class จะถูกส่งลงสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในโลก เมื่อปี 2018 ในฐานะรถยนต์ซีดานระดับ Ultra Luxury ที่จะเข้ามาสานตำนานความหรูต่อจาก Maybach 57 และ 62 

หลังจากที่ Mercedes-Maybach S-Class รุ่นแรก ทำตลาดไปได้ 2 ปีกว่า เจเนอเรชั่นที่ 2 ก็ถูกเผยโฉมออกสู่สายตาสาธารณชนอย่างรวดเร็ว ตามหลังการเปิดตัว Mercedes-Benz S-Class เจเนอเรชั่นที่ 7 (W223) ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2020 ที่ผ่านมา เพื่อนั่งบรรลังก์เรือธงของค่าย ต่อกรกับคู่แข่งรุ่นสำคัญ อย่าง Rolls-Royce Ghost รุ่นใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดโลกไปหมาดๆ เช่นกัน 

Dimension มิติตัวถัง

  • ยาว  5,469 มิลลิเมตร
  • กว้าง  1,921 มิลลิเมตร
  • สูง  1,510 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ  3,396 มิลลิเมตร

เมื่อเปรียบเทียบกับ Mercedes-Benz S-Class Long Wheelbase (V223) จะพบว่า Mercedes-Maybach S-Class ยาวกว่าถึง 180 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นผลจากการขยายความยาวฐานล้อเพิ่มขึ้น 180 มิลลิเมตร นั่นเอง ทว่าความกว้าง และความสูง ยังคงใกล้เคียงกับ Mercedes-Benz S-Class รุ่นฐานล้อยาวอยู่ดี  

Exterior ภายนอก

ดีไซน์ด้านหน้าถูกปรับให้ดูเรียบง่ายและหรูหราขึ้นกว่า Mercedes-Benz S-Class กระจังหน้ามาพร้อมซี่แนวตั้ง ประดับตัวอักษรชื่อ Maybach บริเวณเหนือกรอบกระจังหน้า ช่องดักอากาศด้านล่างตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียม ฝากระโปรงหน้ายังคงโดดเด่นด้วยการติดตั้งโลโก้ดาวลายแบบยุคก่อน บริเวณกึ่งกลางฝากระโปรงถูกยกเป็นแนวสันขึ้นมา พร้อมประดับด้วยแถบโครเมียม 

ด้านข้างตัวรถโดยเฉพาะครึ่งคันหลัง เป็นจุดที่ทำให้ Mercedes-Maybach แตกต่างจาก Mercedes-Benz S-Class มากที่สุด ด้วยความยาวฐานล้อที่ถูกยืดขยายออก ทำให้บานประตูคู่หลังขนาดใหญ่โตขึ้น และแบ่งกระจกหน้าต่างแบ่งออกมาเป็นลักษณะ 6-Windows เสริมด้วยโลโก้ Maybach ที่เสาหลังคาคู่หลัง และแน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับมือจับเปิดประตูแบบเรียบไปกับเปลือกตัวถัง เช่นเดียวกับ Mercedes-Benz S-Class

บั้นท้ายรถ มาพร้อมชุดไฟท้ายทรง 3 เหลี่ยม รวมถึงดีไซน์ฝากระโปรงหลัง และเปลือกกันชนหลัง แบบเดียวกับ Mercedes-Benz S-Class ไม่มีผิดเพี้ยน แต่ประดับด้วยแถบโครเมียมเข้าไปเหนือปลายท่อไอเสียทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อให้กลมกลืนกับดีไซน์รอบคันที่เน้นมาในสไตล์หรูหรา 

Interior ภายในห้องโดยสาร

ภายในห้องโดยสารด้านหน้า ยกชุดมาจาก Mercedes-Benz S-Class เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ต่างๆ อาทิ แผงแดชบอร์ดด้านหน้า ที่โดดเด่นก้วยช่องแอร์ทรง 4 เหลี่ยม ช่องแอร์ด้านข้างแนวตั้ง รวมถึงอุปกรณ์ เช่น หน้าจอกลางแบบ OLED ขนาด 12.8 นิ้ว ชุดมาตรวัดแบบ OLED ขนาด 12.3 นิ้ว พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ฯลฯ แต่ทริมการตกแต่งในจุดต่างๆ เช่น แผงแดชบอร์ดด้านหน้า แผงด้านข้างประตู เลือกใช้ลวดลายและสีของวัสดุที่ดูหรูหรามากขึ้นตามสไตล์ของรถ 

บรรยากาศภายในห้องโดยสารสามารถเลือกปรับโทนสีได้ ด้วยไฟ Ambient Light ซึ่งประกอบด้วยหลอด LED มากถึง 253 หลอด นอกจากนี้ ยังสงบเงียบด้วยระบบกำจัดเสียงรบกวน Active Road Noise Compensation จะปล่อยคลื่นเสียงย่านความถี่ต่ำจากชุดเครื่องเสียง Burmester High-End 4D Surround Sound ออกมาหักล้างกับเสียงรบกวนที่เล็ดลอดเข้ามา

การขยายระยะฐานล้อให้ยาวขึ้นกว่า Mercedes-Benz S-Class รุ่นฐานล้อยาวถึง 180 มิลลิเมตร ส่งผลให้ภายในห้องโดยสารตอนหลัง มีพื้นที่วางขามากขึ้นตามไปด้วย แม้จะติดตั้งเบาะรองนั่งที่มีความยาวมากกว่าก็ตาม แต่ถึงกระนั้น ด้วยโครงสร้างเสาหลังคาคู่หลังที่ออกแบบมาตามลักษณะของบานประตูที่ต่างกัน กลับทำให้พื้นที่เหนือศีรษะ แคบลงเล็กน้อย   

เบาะนั่งด้านหลังเป็นแบบ First-Class พร้อมฟังก์ชั่นนวด สามารถปรับส่วนต่างๆ ของเบาะนั่งได้จากสวิตช์ไฟฟ้าที่ด้านข้างแผงประตู ไม่ว่าจะเป็น การเลื่อนเบาะรองนั่งขึ้นหน้าถอยหลัง การปรับองศาพนักพิงหลัง ที่เอนได้มากสุดถึง 43.5 องศา การปรับระดับส่วนรองรับต้นขา รวมทั้งหน่วยความจำตำแหน่งเบาะนั่งด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังสามารถติดตั้งจุดยึดหัวเข็มขัดนิรภัยแบบเลื่อนเข้าออกด้วยไฟฟ้า แบบเดียวกันกับรถยนต์ Coupé และ Cabriolet เป็นอ็อพชั่นพิเศษได้ด้วย  

คอนโซลกลางที่ลากยาวมาจากด้านหน้าตกแต่งด้วยวัสดุ Piano Black เมื่อกดเปิดฝาปิดด้านบนด้วยสวิตช์ไฟฟ้า จะพบกับช่องวางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง ที่มีขนาดแตกต่างกัน และจุดยึดสำหรับวางแก้วแชมเปญอีก 2 ตำแหน่ง ถัดมาด้านหลัง เป็นพนักวางแขนตรงกลางที่เชื่อมกับช่องเก็บขวดและแก้วแชมเปญ ที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 1 – 7 องศาเซลเซียส อีกทั้ง ยังติดตั้งหน้าจอ MUBX Rear Tablet ควบคุมระบบต่างๆ ของตัวรถ ทำงานควบคู่กับระบบความบันเทิง MBUX High-End Rear Entertainment พร้อมหน้าจอคู่ ขนาด 11.6 นิ้ว มาให้ด้วย

นอกจากนี้ ไฮไลต์ของรถยนต์นั่งระดับหรู ที่มาพร้อมกับบานประตูหลังขนาดใหญ่โต เช่น Mercedes-Maybach S-Class รุ่นนี้ นอกจากจะสั่งเปิดประตูจากสวิตช์ภายในห้องโดยสาร และสวิตช์บนกุญแจรีโมทแล้ว ยังสามารถใช้การโบกมือ หรือ Hand Gesture เพื่อสั่งปิดประตู รวมไปถึงสั่งเลื่อนม่านบังแดดด้านขึ้น – ลง ด้วยเช่นกัน

Engine เครื่องยนต์

เครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 558 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 730 นิวตันเมตร ที่ 2,500 – 5,000 รอบ/นาที พ่วงระบบมอเตอร์ไฟฟ้า EQ Boost กำลังสูงสุด 22 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC 9 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC 

Suspension ระบบกันสะเทือน

ระบบกันสะเทือนมาตรฐานของ Mercedes-Maybach S-Class เป็นแบบถุงลม AIRMATIC ที่มีความไวในการตอบสนองมากเป็นพิเศษ มาพร้อมระบบควบคุมการดูดซับรับแรงสั่นสะเทือนแบบแปรผัน (Adaptive ADS+) และระบบปรับระดับความสูงของช่วงล่าง ทั้งนี้ สามารถเลือกอ็อพชั่นเสริม ได้แก่ 

  • ระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง (Rear-axle Steering) ปรับองศาล้อคู่หลังให้หมุนไปในทิศทางเดียวกับล้อคู่หน้า ซึ่งช่วยลดรัศมีวงเลี้ยวให้แคบลง สามารถเลือกได้ 2 ระดับ ทั้ง 4.5 องศา และ 10 องศา 
  • ระบบ ACTIVE BODY CONTROL ที่อาศัยการทำงานของกล้อง Stereo ด้านหน้ารถ ในการสแกนสภาพพื้นผิวถนนที่รถกำลังจะแล่นผ่าน ก่อนปรับการทำงานของช่วงล่างเพื่อให้ตัวรถเคลื่อนผ่านถนนไปอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยระบบไฟฟ้า 48 โวลต์ 

ระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือการขับขี่

  • ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC)
  • ระบบช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน (Active Steering Assist)
  • ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Traffic Sign Assist)
  • ระบบเตือนและหยุดรถอัตโนมัติเมื่อผู้ขับขี่ไร้การตอบสนอง (Active Emergency Stop Assist)
  • ระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถยนต์คันอื่นหรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยก (Active Braking Assist with Cross-Traffic Function)
  • ระบบช่วยลดความเสี่ยงจากการชนกับรถคันอื่นที่อยู่ในมุมอับสายตาด้านข้าง (Active Blind Spot Assist and Exit Warning Function)
  • ระบบช่วยหลบหลีกการชนจากด้านหน้า (Evasive Steering Assist)
  • ถุงลมนิรภัย 18 ตำแหน่ง
  • ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE System และ PRE-SAFE impulse system
  • ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง PRE-SAFE rear system
  • ระบบขับขี่อัตโนมัติ DRIVE PILOT (Level 3)
  • ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ INTELLIGENT PARKING PILOT (Level 4)

All NEW Mercedes-Maybach S-Class จะเริ่มส่งมอบความหรูหราให้กับลูกค้าที่สั่งจอง ได้ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป

ที่มา : Daimler