2018 Mercedes-AMG GT รุ่น Facelift ได้เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาพร้อมกับ
หน้าตาด้านหน้าทรงใหม่ เสริมด้วยพละกำลังที่มากขึ้นในทุกรุ่นย่อย ทั้งยังเสริมอุปกรณ์
ต่างๆ มาให้เป็นมาตรฐาน และในเวลาเดียวกันนี้ยังเปิดตัว Mercedes-Benz AMG GT C
” 50 Edition ” รุ่นพิเศษอีกด้วย
งานออกแบบด้านหน้าของ 2018 Mercedes-AMG GT เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ด้วย
กระจังหน้าโครเมี่ยมทรงใหม่ มีขีดแนวตั้ง 15 ขีด กันชนหน้าเตี้ยลงกว่าเดิม พร้อม
ขยายขนาดของช่องดักลมให้ใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ ยังติดตั้ง Airpanel จาก AMG GT R
มาให้ในทุกรุ่นย่อยอีกด้วย
ระบบ Airpanel คือแผ่นลมที่ติดตั้งอยู่ใต้กันชนหน้า เปิด-ปิดอัตโนมัติภายในเวลา 1 วินาที
ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ในเวลาที่ปิดอยู่จะกั้นไม่ให้ลมผ่านเข้ามา ส่งผลให้ลมปะทะหน้ารถไหล
ลงใต้ท้องทั้งหมด แต่ในเวลาที่อุณหภูมิในเครื่องยนต์ถึงจุดที่ต้องระบายความร้อน Airpanel
จะเปิดเอง เพื่อให้ลมเย็นเข้าไประบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์ และการติดตั้งอุปกรณ์นี้
ยังทำให้ผู้ผลิตย้ายตำแหน่ง Oil Cooler เครื่องยนต์จากด้านหน้า ไปไว้ที่ซุ้มล้อแทน
ขุมพลังของ 2018 Mercedes-AMG GT ทุกรุ่นย่อยยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน
V8 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ สำหรับรายละเอียดในแต่ละรุ่นย่อย มีดังต่อไปนี้
– Mercedes-Benz AMG GT
พละกำลังสูงสุด 476 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 63.0 กก-ม. (618 นิวตันเมตร)
กำลังเพิ่มขึ้น 13 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงขึ้น 3.0 กก-ม. (30 นิวตันเมตร)
– Mercedes-Benz AMG GT S
พละกำลังสูงสุด 522 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 68.3 กก-ม. (670 นิวตันเมตร)
กำลังเพิ่มขึ้น 12 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงขึ้น 2.0 กก-ม. (20 นิวตันเมตร)
– Mercedes-Benz AMG GT C
พละกำลังสูงสุด 558 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 69.4 กก-ม. (681 นิวตันเมตร)
– Mercedes-Benz AMG GT R
พละกำลังสูงสุด 585 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 71.3 กก-ม. (700 นิวตันเมตร)
เนื่องในโอกาสที่ AMG ฉลองครบรอบ 50 ปีหลังก่อตั้ง Performance Brand ผู้ผลิตได้
เปิดตัว 2018 Mercedes-AMG GT C 50 Edition ซึ่งนำชิ้นส่วนหลายชิ้นส่วนจาก
AMG GT R มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นซุ้มล้อหลังที่กว้างกว่าเดิม 2.25 นิ้ว เพื่อรองรับล้อหลังที่
กว้างขึ้น นอกจากนี้ยังมีกันชนหลังที่กว้างขึ้นเช่นกัน
การตกแต่งของ Mercedes-AMG GT C 50 Edition จะแตกต่างจากรุ่นอื่นๆเช่นกัน
โดยที่ภายนอกจะมากับสีเทาด้าน Designo Graphite Grey Magno เท่านั้น ล้อเป็น
สีดำเงา พร้อมสัญลักษณ์ Edition 50 ที่ท้ายรถ นอกจากนี้ ยังตัดสีตัวถังด้วยสีดำ
ตั้งแต่สเกิร์ตรอบคัน, กระจังหน้า, ครีบระบายอากาศบังโคลนคู่หน้า, ดิฟฟิวเซอร์หลัง
และ ปลายท่อไอเสีย
ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำ-เทา หุ้มด้วยวัสดุหนัง Nappa สี Silver Pearl และสีดำ
เดินด้ายสีเทาแบบพิเศษ พวงมาลัยหุ้มด้วยวัสดุ Dinamica Microfiber พร้อมสลัก
สัญลักษณ์ Edition และยังระบุตำแหน่ง 12 นาฬิกาด้วยด้ายสี Silver Pearl ปิดท้าย
ด้วยเบาะ AMG Performance Seat ปักสัญลักษณ์ GT Edition 50
Mercedes-AMG GT C 50 Edition มาพร้อมกับช่วงล่าง AMG Ride Control
ซึ่งสามารถ ปรับไฟฟ้าในแต่ละล้อได้อย่างอิสระ และยังมีระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อด้วย
โดยที่ล้อหลังจะเลี้ยวไปคนละทิศทางกับล้อหน้า เมื่อใช้ความเร็วต่ำกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
แต่เมื่อความเร็วเกินจุดนั้นไปแล้ว ล้อหลังจะเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า
อุปกรณ์เสริมที่เพิ่มเข้ามาใน 2018 Mercedes-AMG GT และสามารถติดตั้งได้ในทุกรุ่น
ย่อยคือ AMG Track Pace ซึ่งเป็น Application สำหรับ iPhone ที่เชื่อมต่อเข้ากับรถยนต์ผ่าน
Wifi เพื่อแสดงข้อมูลแบบ Real Time ตั้งแต่ความเร็ว, ตำแหน่งเกียร์, องศาของพวงมาลัย,
เวลา, ตำแหน่ง และการเร่ง รวมไปถึงสถิติการทำเวลาในสนามแข่ง ทั้งแบบต่อรอบ และในแต่ละ
ส่วนของสนามอีกด้วย
ที่มา : netcarshow
อ่าน Full Review ทดลองขับ Mercedes AMG GT S (V8 Bi-Turbo 510 PS 7DCT)
: กล้วยหอมใบเขื่อง กระฉูดเอาเรื่อง 310 km/h ได้ที่ link ด้านล่างนี้
http://www.headlightmag.com/full-review_2015_mercedes-amg-gt-s/