Chevrolet Traverse คันที่เห็นนี้ เป็นโฉมที่ 2 ที่ได้รับการปรับปรุงทั้งในเรื่องของหน้าตา
และ ขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม โดยมีเป้าหมายให้มีพื้นที่ในห้องโดยสารที่มากกว่าคู่แข่ง
ในระดับเดียวกัน พร้อมกับเสริมเทคโนโลยีต่างๆ มาให้ด้วย
การออกแบบภายนอกของ Chevrolet Traverse ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Full-Size SUV
ของค่าย ดังนั้นการตกแต่งส่วนใหญ่จึงเน้นไปที่ความหรูหรา โดยใช้วัสดุโครเมี่ยม, ไฟ LED
อันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น และ ไฟหน้า LED D-Optic
ภายในมีเบาะ 3 แถว รองรับผู้โดยสารสูงสุด 8 ที่นั่ง มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระสูงสุด 2,789 ลิตร
ซึ่งมากที่สุดในตลาด สำหรับอุปกรณ์ที่มีมาให้ ประกอบไปด้วย ฝาท้ายที่เปิดได้ โดยไม่ต้อง
ใช้มือ (Hands-Free หรือเตะเปิด), เบาะแถวที่ 2 แบบ Smart Slide ปรับเดินหน้า-ถอยหลัง
และ พับได้, ระบบเครื่องเสียงพร้อมหน้าจอขนาด 7-8 นิ้ว, 4G LTE Wifi, Wireless Charging
และ ช่องชาร์จไฟผ่าน USB ครบเบาะทุกแถว
นอกจากนี้ Chevrolet Traverse ได้เพิ่มรุ่นย่อยมาอีก 2 รุ่น คือรุ่น RS ที่เน้นความสปอร์ต และ
รุ่น High Country ที่เน้นความหรูหรา จุดเด่นของรุ่น RS อยู่ที่การตกแต่งภายนอกที่มาพร้อมกับ
กระจังหน้าโครเมี่ยมรมดำ, ตรายี่ห้อสีดำ และ ล้อขนาด 20 นิ้ว
ในขณะที่รุ่น High Country มีจุดเด่นที่ภายในใช้วัสดุหนังสีน้ำตาล Loft Brown ทั้งคัน
พร้อมกับเพิ่มเบาะแถว 3 พับ-ปรับไฟฟ้ามาให้ ภายนอกมีอุปกรณ์พิเศษอย่าง ล้อปัดเงา
ขนาด 20 นิ้ว และ ไฟหน้าแบบ D-Optic นอกจากนี้ยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ
Twin Clutch ด้วย
ขุมพลังของ Chevrolet Traverse มีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น ทั้งคู่ ทำงานร่วมกับเกียร์
อัตโนมัติ 9 จังหวะ พร้อมติดตั้งระบบ Start/Stop มาให้ มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และ
ขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนข้อมูลเครื่องยนต์มีดังต่อไปนี้
– เครื่องยนต์เบนซิน Ecotec 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 259 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด 40.78 กก-ม. (400 นิวตันเมตร) ที่ 3,000 รอบ/นาที ติดตั้งมาในรุ่น RS
เท่านั้น
– เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 309 แรงม้า (PS) ที่ 6,800 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 35.69 กก-ม. (350 นิวตันเมตร) ที่ 2,800 รอบ/นาที
2018 Chevrolet Traverse มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยต่างๆ ทั้ง ไฟเตือนให้
คาดเข็มขัดนิรภัยของผู้โดยสารตอนหลัง, กล้องรอบคัน Surround Vision, ระบบ
ป้องกันการออกนอกเส้นจราจร Lane Departure Warning, ระบบช่วยให้ตัวรถอยู่
ในช่องจราจร Lane Keep Assist และ ระบบเตือนก่อนการชน Forward Collision
Alert
นอกจากนี้ยังมี ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อพบคนเดินถนนด้านหน้า Front Pedestrian
Braking, ระบบเบรกอัตโนมัติทั้งในย่านความเร็วสูงถึงความเร็วต่ำ Low and High
Speed Forward Automatic Braking, และระบบควบคุมการขับขี่ของนักขับวัยรุ่น
Teen Driver ซึ่งผู้ปกครองสามารถตั้งค่าจำกัดการขับขี่ พร้อมกับตรวจสอบประวัติ
การใช้งาน ในเวลาที่ลูกหลานเอารถยนต์ไปใช้งาน
ราคาจำหน่ายของ 2018 Chevrolet Traverse ยังไม่ประกาศในขณะนี้ สำหรับ
กำหนดการออกจำหน่ายในสหรัฐฯ จะเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนปีนี้เป็นต้นไป
ที่มา : netcarshow, carscoops