นอกจากสภาพของรถยนต์ ยี่ห้อ และปัญหาที่พบในรถยนต์รุ่นนั้นๆ สีของตัวถังนั้นเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง
ที่มีผลต่อราคาขายต่อในวงการรถยนต์มือสองด้วย ซึ่งทางเว็บไซต์ iseecars.com ในประเทศสหรัฐฯ
ได้รวบรวมสถิติการซื้อ-ขายรถยนต์มือสอง ที่มีอายุ 3 ปีเป็นจำนวน 1,600,000 คัน ในปีที่ผ่านมา
เพื่อทำการวิเคราะห์ว่า สีใดมีราคาขายต่อดีที่สุด และ สีใดขายต่อออกไวสุด ซึ่งมีผลดังนี้

2017-Dodge-Challenger-TA-Dodge-Challenger-TA-392-Dodge-Charger-Daytona-392-and-Dodge-Charger-Daytona

เปอร์เซ็นต์ราคาขายต่อที่ตกลง เทียบกับ สีตัวถังของรถ

สีส้ม 21.6 %
สีเหลือง 22.0 %
สีเขียว 24.5 %
สีน้ำตาล 28.5 %
สีแดง 29.1 %
สีเทา 29.5 %
สีขาว 29.5 %
สีน้ำเงิน 29.9 %
สีดำ 30.2 %
สีเงิน 30.6 %
สีเบจ 31.2 %
สีทอง 33.5 %

 

2016-Ford-Mustang-EcoBoost-front-three-quarter

ทั้งนี้จากการสำรวจเดียวกัน ยังทำการหาค่าเฉลี่ยระยะเวลา ที่รถแต่ละคันอยู่ในตลาด
ซึ่งแบ่งตามสีของตัวถัง มีผลดังต่อไปนี้

สีเทา 41.4 วัน
สีดำ 42.1 วัน
สีทอง 42.6 วัน
สีขาว 42.8 วัน
สีน้ำเงิน 43.6 วัน
สีส้ม 44.1 วัน
สีเขียว 45 วัน
สีน้ำตาล 46.2 วัน
สีเงิน 46.6 วัน
สีแดง 49 วัน
สีเหลือง 49.5 วัน

 

2014-Lamborghini-Huracan-promo

โดยสรุปแล้วรถยนต์ อายุ 3 ปีจะราคาตกไปโดยเฉลี่ย 29.8% และ จะอยู่ในตลาดโดยเฉลี่ยเป็นเวลา 43.9 วัน
ทั้งนี้มีการวิเคราะห์ด้วยว่า สาเหตุที่รถสีเจ็บๆ ราคาขายต่อดี เป็นเพราะส่วนใหญ่เป็นรถสปอร์ตนั่นเอง ซึ่งรถ
เหล่านี้ มักเป็นรถหายาก และ เจ้าของมักจะดูแลดี และ ใช้งานน้อย ทำให้ราคาขายต่อดีไปด้วย นอกจากนี้
ยังพบด้วยว่า รถสีส้มมักจะผ่านการใช้งานโดยเฉลี่ยเพียง 43,790 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ
รถทุกสีที่อยู่ที่ 58,457 กิโลเมตร อีกด้วย

Nissan-GT-R_2017_1024x768_wallpaper_12

.

ที่มา : motortrend, iseecars