เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเพราะ Tesla Model S อันเป็นรถพลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูงได้เปิดตัว
มาเป็นเวลา 4 ปีแล้วดังนั้นจึงควรค่าแก่การปรับโฉมเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความสดใหม่ให้กับตัวรถสักหน่อย
โดยที่ภายนอกนั้นจะมาในรูปแบบเรียบเนียน อันเป็นงานออกแบบรูปแบบเดียวกับที่พบได้ใน SUV
ร่วมตระกูลอย่าง Tesla Model X และคล้ายกับ Model 3 รุ่นล่าสุด นอกจากนี้ยังติดตั้งไฟหน้า
LED Adaptive Headlight มาให้เป็นครั้งแรกพร้อมกับเพิ่ม LED Bar มาให้ด้วย

ชายตัวถังด้านข้างตอนนี้ทำเป็นสีเดียวกับตัวถังรถแล้วส่วนที่เหลือทั้งด้านข้างบริเวณอื่นๆและด้านท้าย
ของตัวรถยังคงเดิมทุกประการ สำหรับภายในนั้นมีการปรับปรุงในหลายจุดไม่ว่าจะเป็นการนำอุปกรณ์
ของ Model X มาติดตั้งใน Model S ซึ่งเป็นระบบฟอกอากาศชื่อ Bioweapon Defense Mode ที่ Tesla
ภูมิใจนำเสนอว่าสามารถป้องกันเชื้อโรค, หมอกควัน, และแบคทีเรียต่างๆได้ถึง 99.97% ด้วยตัวกรอง
HEPA และยังมีลายไม้ 2 ลายใหม่ให้เลือกตกแต่งด้วย ประกอบไปด้วย Figured Ash Wood Décor
และ Dark Ash Wood Décor

สำหรับใครที่ติดตามข่าวสารของ Model S รุ่น facelift คันนี้มาแบบผ่านๆอาจจะได้ยินข่าวลือมาว่า
Tesla ได้เพิ่มความจุของแบตเตอรี่จนมีความจุสูงถึง 100 kWh ซึ่งตอนนี้ต้องแสดงว่านั่นไม่เป็นความ
จริงเพราะไม่มีการปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมในจุดนี้ นอกจากการเปลี่ยนระบบ Charger จาก 40 amps ใน
รุ่นเดิมมาเป็น 48 amps ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถชาร์จไฟได้ไวขึ้นในกรณีที่นำรถไปชาร์จไฟใน
สถานที่ ที่จ่ายกระแสไฟฟ้าสูงกว่าปกติ

Tesla Model S Facelift ยังคงมีให้เลือก 3 รุ่นเช่นเคยและราคาจะสูงกว่ารุ่นเดิมประมาณ
1,500 ดอลล่าร์ สหรัฐหรือราวๆ 5.2 หมื่นบาท ส่วนรายมรายละเอียดปลีกย่อยโดยรวม
ของแต่ละรุ่นมีดังนี้

– Model S 70D ความจุแบตเตอรี่ 70 กิโลวัตต์สามารถวิ่งได้ไกลสุดเป็นระยะทาง 386 กิโลเมตร ให้
อัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.2 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 225 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ราคาเริ่มต้นที่ 76,500 ดอลล่าร์สหรัฐหรือราวๆ 2.6 ล้านบาท

– Model S 90D ความจุแบตเตอรี่ 90 กิโลวัตต์สามารถวิ่งได้ไกลสุดเป็นระยะทาง 473 กิโลเมตร ให้
อัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ ชั่วโมงภายใน 4.2 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลเมตร/ ชั่วโมง
ราคาเริ่มต้นที่ 89,500 ดอลล่าร์สหรัฐหรือราวๆ 3.1 ล้านบาท

– Model S P90D ความจุแบตเตอรี่แบบ Performance 90 กิโลวัตต์สามารถวิ่งได้ไกลสุดเป็นระยะ
ทาง 434 กิโลเมตร ให้อัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ ชั่วโมงภายใน 3.1 วินาทีและสามารถกดเหลือ 2.8
วินาทีได้หากติดตั้ง Ludicrous Speed Upgrade ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลเมตร/ ชั่วโมง
ราคาเริ่มต้นที่ 109,500 ดอลล่าร์สหรัฐหรือราวๆ 3.8 ล้านบาท

ที่มา : roadandtrack, autoevolution, teslamotors