ภาพยนตร์ที่มีสายลับอังกฤษเป็นพระเอกอย่าง James Bond มีภาคล่าสุดชื่อ No Time To Die ซึ่งนับเป็นภาคที่ 25 จะเข้าฉายในเดือนพฤศจิกายนนี้ และเช่นเคยที่พยัคฆ์ร้ายจะใช้บริการ Aston Martin เป็นรถยนต์คู่ใจ โดยในภาคนี้จะมีด้วยกันถึง 4 รุ่น เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสนี้ บริษัทจึงพัฒนารุ่นพิเศษสองรุ่นในชื่อ 007 Edition สำหรับ Aston Martin Vantage และ DBS Superleggera โดยเปิดตัวเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา
Aston Martin Vantage 007 Edition
มาเริ่มต้นที่ Aston Martin Vantage 007 Edition กันก่อน โดยมาในสีเทา Cumberland Grey เสริมเอกลักษณ์ด้วยกระจังหน้าแบบตะแกรงโครเมี่ยม เหมือนรุ่นที่ใช้ขุมพลัง V8 ของค่ายในอดีต ตัดด้วยชายล่างตัวถังสีเหลืองทั้งยังสามารถติดตั้ง rack ยึดสกีพร้อมบอร์ดแบบเดียวกับที่ ปรากฎในภาพยนตร์เรื่อง The Living Daylights ได้
ห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังสีดำ obsidian black ตัดกับโครเมี่ยมรมดำ เบาะนั่งตัดเย็บสไตล์ย้อนยุคจากช่วง 1980 ส่วนหลังเบาะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ ทั้งยังสามารถติดตั้งแผ่นสกรีนตัวอักษรสีแดง สำหรับควบคุมระบบพิเศษ เช่น ยิงจรวดแบบเดียวกับในภาพยนต์เพิ่มได้ ปิดท้ายแผ่นบังแดดสลักคลื่นวิทยุ 96.60 ซึ่ง 007 ใช้ขอความช่วยเหลือจากตำรวจรัสเซีย
Aston Martin Vantage 007 Edition มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ผลิตจำนวนจำกัด 100 คันทั่วโลก พร้อมเปิดรับจองแล้ว และ คาดว่าจะพร้อมส่งมอบตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2021 เป็นต้นไป สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้น ซึ่งยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 161,000 ปอนด์ (ราว 6,697,000 บาท)
Aston Martin DBS Superleggera 007 Edition
Aston Martin DBS Superleggera 007 Edition จะตกแต่งพิเศษเหมือนคันที่เข้าฉากในภาพยนตร์เรื่อง No Time To Die ทุกประการ โดยมาในสีเทา Ceramic Grey ตัดด้วยหลังคา, กระจกมองข้าง, ชายล่างตัวถัง และดิฟฟิวเซอร์ สีดำคาร์บอนไฟเบอร์ ล้อเป็นลานยก้าน Y สีดำเงา ขนาด 21 นิ้ว พร้อมติดตรา 007 บนแก้มคู่หน้าและสปอยเลอร์หลัง
ห้องโดยสารคุมโทนด้วยหนังสีดำทั้งคัน ตัดด้วยตะเข็บด้ายสีแดง พร้อมประทับตรา 007 บนแผงประตู, ที่วางแขน และ แผงลำโพงหลัง ส่วนขุมพลังคงเดิมกับ เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V12 ขนาด 5.2 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 715 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร
Aston Martin DBS Superleggera 007 Edition ผลิตจำนวนจำกัด 25 คันทั่วโลก พร้อมเปิดรับจองแล้ว และ คาดว่าจะพร้อมส่งมอบตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2021 เป็นต้นไป สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้น ซึ่งยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยที่ 279,025 ปอนด์ (ราว 11,606,000 บาท)
ที่มา: Aston Martin