สถานการณ์ของงาน New York Autoshow 2017 เกือบจะมีวันที่จัดงานชนกับงาน
แสดงรถยนต์ฝั่งเมืองจีน ถ้าสมมติว่าวันจัดงานตรงกับของจีนนั่นก็จะทำให้งาน New
York Autoshow 2017 กร่อยลงได้เพราะผู้บริหารคนสำคัญระดับโลกมักจะเดินทางไป
เปิดตัวรถใหม่ในจีนมากกว่า

อย่างไรก็ตาม New York Autoshow 2017 ก็ยังเป็นงานที่น่าสนใจในระดับหนึ่งอย่าง
น้อย ๆ ผู้ผลิตรถยนต์ก็ได้แสดงศักยภาพในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่นอกจากจะโดนใจ
ลูกค้าชาวอเมริกันแล้ว หลายคันก็เชื่อว่าผู้คนทั่วโลกก็ชื่นชอบมันด้วยเช่นกัน

รถในงานอาจมีไม่เยอะนัก แต่ก็เชื่อว่าน่าจะเต็มอิ่มพอสำหรับพวกเรา

Acura

2018 Acura TLX Minorchange มาพร้อมใบหน้าใหม่ที่ Acura มั่นใจว่าจะทำให้
ยอดขายรถหรูในเครือ Honda พุ่งยิ่งขึ้นเพราะนี่คือใบหน้าเอกลักษณ์ใหม่ที่ทุกคนเริ่ม
จดจำได้มากกว่าหน้าแบบเก่า ถ้า TLX เดิมว่าดูสปอร์ตแล้ว เราต้องบอกเลยว่า TLC
Minorchange จะดูสปอร์ตกว่านั้นอีก

Acura TLX ใหม่มาพร้อมกันชนหน้า-หลัง, กระจังหน้าแบบ Diamond Pentagon Grille
, ไฟหน้า Jewel Eye พร้อมไฟเลี้ยว LED, แก้มหน้า และฝากระโปรงหน้าใหม่ โดยที่
ในแต่ละรุ่นย่อยตั้งแต่รุ่นเครื่องยนต์ 4 สูบ, V6 และ A-Spec จะใช้กันชนหน้า-หลังคนละชุด
รวมไปถึงล้อขนาด 17 – 19 นิ้ว ไล่ไปตามลำดับ

พิเศษสุด Acura TLX ได้เพิ่มรุ่น A-Spec ที่มีความเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้ คือไฟตัด
หมอกเหลี่ยม เปลี่ยนไปเป็นไฟตัดหมอกกลม, เพิ่มสเกิร์ตข้าง, เพิ่มดิฟฟิวเซอร์หลัง
, เพิ่มสปอยเลอร์หลัง และเปลี่ยนท่อไอเสียปลายเหลี่ยม เป็นท่อไอเสียปลายกลม
ปิดท้ายด้วยล้อสีดำ และตราสัญลักษณ์ A-Spec บริเวณฝากระโปรงหลังด้านซ้าย

ขุมพลังของ Acura TLX มีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น เริ่มต้นกับเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.4 ลิตร
ให้กำลังสูงสุด 209 แรงม้า (PS) ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 25.16 กก-ม. (247 นิวตันเมตร)
ที่ 4,500 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ส่งกำลังผ่านล้อคู่หน้า

ส่วนขุมพลังของ Acura TLX อีกรุ่นนั้นเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 294 แรงม้า
(PS) ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 36.91 กก-ม. (362 นิวตันเมตร) ที่ 4,500 รอบ/นาที ทำงาน
ร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ส่งกำลังผ่านล้อคู่หน้าหรือลงพื้นทั้ง 4 ล้อ

Acura TLX ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมกับระบบความปลอดภัย AcuraWatch ที่รวบรวมอุปกรณ์ความปลอดภัย
แบบ Active Safety เข้าไว้ด้วยกันหลายรายการ รวมไปถึง ระบบเบรกอัตโนมัติ, ระบบแจ้งเตือนออกนอก
ช่องจราจร และระบบล็อคความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน กำหนดการออกจำหน่ายของ Acura TLX คาดว่า
จะเริ่มต้น ภายในเดือนมิถุนายนนี้

Buick

Buick Enclave โฉมใหม่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเอสยูวีขนาดใหญ่รองรับผู้โดยสาร 8
คนสามารถออกแบบให้สวยงามได้ ต้องเรียกว่าทิ้งภาพโฉมเก่าจากรุ่นเดิมไปได้เยอะ
ทีเดียว เพราะคันนี้จะเน้นความปราดเปรียวของรูปทรง คู่แข่งที่สำคัญคือ Audi Q7

Buick Enclave มีจุดเด่นที่ภายในห้องโดยสารกว้างใหญ่กว่าคู่แข่งทั้ง Acura MDX
, Infiniti QX60 และ Audi Q7 โดยชูจุดเด่นความกว้างสบายทั่วทั้งคัน ทั่วทั้งตำแหน่ง
เบาะนั่ง

จุดเด่นอีกประการคืองานวิศวกรรมน้ำหนักเบาที่ผนวกกับเครื่องยนต์ใหม่ V6 3.6 ลิตร
302 แรงม้า แรงบิด 352 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภายใน 7.2 วินาทีในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ และภายใน 7.5 ในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อตลอด
เวลา มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยเพียงแค่ 19 MPG สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสอง
ล้อหน้า (รุ่นเดิมมีอัตราสิ้นเปลืองถึง 17 MPG)

All NEW Buick Regal มาพร้อมทั้งตัวถังซีดาน Sportback และแวกอน TourX
Wagon เป็นฝาแฝดเดียวกับ Opel/Vauxhall Insignia รุ่นใหม่ล่าสุด ถือเป็นการ
เปิดตัวระดับ USA Premier ที่แรกในงานนี้

รูปร่างหน้าตาของ All NEW Buick Regal จะแตกต่างจาก Opel/Vauxhall Insignia
เพียงแค่ใบหน้าและโลโก้เท่านั้น

จุดขายสำคัญนอกเหนือจากรูปร่างหน้าตาแล้ว Buick Regal โฉมใหม่ยังอัดแน่นไป
ด้วยเทคโนโลยี และยังติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 250 แรงม้า แรงบิด
352 นิวตันเมตร สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะแรงบิดเป็น 400 นิวตันเมตร

พิเศษสุดสำหรับ Buick Ragel TourX มันคือแวกอนยกสูงคลาสเดียวกับ Volvo V60
Cross Country ถือว่าเป็นการทำตลาดแวกอนที่ฉีกแนวไปจากเดิม

Ford

ในปีนี้ Ford ส่งรถรุ่นใหม่น้อยกว่าที่คาดเพราะส่งแค่ 2018 Ford Explorer รุ่นปรับ
ปรุงใหม่เพียงเล็กน้อย เพียงแค่เปลี่ยนรายละเอียดกันชนหน้า จากไฟตัดหมอกหน้ารูป
ตัว C กลายเป็นไฟตัดหมอกหน้าพร้อมช่องดักลมตัว L แทน อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ Explorer
รุ่นใหม่ดูคมคายขึ้นคือกระจังหน้าที่มีรายละเอียดคล้ายลายจักรสานของเมืองไทย
ดูเรียบง่ายแต่ล้ำสมัยดูในที

งานนี้ Ford แนะนำสีภายในห้องโดยสารใหม่ถึง 4 สี ได้แก่ Burgundy Velvet
Tinted Clearcoat, Cinnamon Glaze, Platinum Dune Tricoat และ Blue
Metallic และติดตั้งอุปกรณ์ไฮเทคพร้อมเลย ได้แก่ ระบบการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ
4G พร้อม Wi-Fi Hotspot รองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่สูงสุด 10 เครื่อง สามารถใช้ระบบ
FordPass สามารถสั่งล็อกรถ, ปลดล็อกหรือระบุสถานที่จอดได้ด้วย

และนี่คือลิสต์รายการระบบช่วยเหลือความปลอดภัยใหม่ล่าสุด
-ระบบ Adaptive Cruise Control พร้อมระบบเตือนป้องกันการชนด้านหน้า
และช่วยแรงเบรก
-ระบบเตือนจุดบอดแบบระบุข้อมูล
-ระบบเตือนสภาวะการจราจรด้านหน้า
-ระบบช่วยเตือนให้ผู้ขับขี่ขับรถตรงเลน
-ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
-ระบบใบปัดน้ำฝันอัตโนมัติ

ขุมพลังยังคงติดตั้งเครื่องยนต์ 2.3 ลิตร Ecoboost 280 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที
แรงบิด 420 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบต่อนาที และ 3.5 ลิตร Ecoboost 365 แรงม้าที่
5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 474 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบต่อนาที

Honda

ปีนี้ไม่ได้นำเสนอรถรุ่นใหม่แบบ All NEW ถอดโฉมแต่ ปีนี้กลับเสนอทางเลือกใหม่ให้
แก่ลูกค้าที่ไม่ต้องการยึดติดตัวเลือกเดิม เริ่มจาก Honda Civic Si 205 แรงม้า

ภายนอกของ Honda Civic Si แตกต่างจากรุ่นธรรมดา ด้วยการตกแต่งขอบช่องดักลมด้านหน้า
ด้วยสีดำ, เพิ่มชายกันชนหน้า, สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก, ปลายท่อไอเสียทรงสี่เหลี่ยมคาง
หมูออกกลาง และล้อขนาด 18 นิ้วลาย 10 ก้านปัดเงา รัดด้วยยางกว้าง 235 มิลลิเมตร

ภายในมาพร้อมกับเบาะคู่หน้าทรงสปอร์ต เดินด้วยด้ายสีแดงปักตรา Si พร้อมเดินด้ายสีแดงรอบ
ห้องโดยสารบริเวณแผงประตู, พวงมาลัย และถุงเกียร์ ส่วนแป้นเหยียบและหัวเกียร์เลี่ยนไปใช้
แบบที่ทำจากวัสดุอลูมิเนียม เสริมด้วยการตกแต่งภายในสี Dry Metal Carbon ปิดท้ายด้วย
หน้าจอแสดงผลฝั่งคนขับ และสีหลอดไฟเรืองแสงของระบบเครื่องเสียง ที่เปลี่ยนไปใช้หลอด
ไฟสีแดงแทน

ขุมพลังของ Honda Civic Si เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด
208 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 26.51 กก-ม. (260 นิวตันเมตร) ส่งกำลังลงล้อคู่หน้าผ่าน
เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ

เครื่องตัวนี้จะแตกต่างจาก Honda Civic Turbo ในบ้านเราเพราะบ้านเรามีพละกำลัง
แค่ 173 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.43 กก-ม. (220 นิวตันเมตร)
ที่ 1,700 – 5,500 รอบ/นาที ส่งกำลังลงล้อคู่หน้าผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT

อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการควบคุมของ Honda Civic Si นั้นได้รับการปรับปรุงหลายรายการเช่นกัน
เริ่มต้นกับพวงมาลัยไฟฟ้า Dual-Pinion, ช่วงล่างแต่งสปอร์ต, โช๊คอัพปรับไฟฟ้า, Limited-Slip
Differential และ feature การปรับรูปแบบการขับขี่ 2 ทางเลือกระหว่าง Normal และ Sport
ซึ่งระบบจะมีผลต่อการตอบสนองของพวงมาลัย, ช่วงล่าง และคันเร่ง

ยังไม่พอ Honda ก็รุกหนักกับตลาดรถยนต์สีเขียวด้วยการส่ง Clarity Family ทั้งแบบรถไฟฟ้า
และ Plug-in Hybrid เสริมทัพ FCV เป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านกลยุทธ์รถยนต์ทางเลือก
ของ Honda

เมียงมองกันที่ Honda Clarity Plug-in Hybrid จะถอดแบบจากรุ่น FCV ทั้งคันแต่แตกต่างกันที่
รายละเอียดกระจังหน้าจะคล้ายกับ Honda Civic ใหม่ โดยมีแนวกระจังหน้าโครเมี่ยมยาวทิ่ม
เข้ากับโคมไฟหน้าและติดตั้ง DRL LED ลากยาวทรงเอกลักษณ์

สิ่งที่พอสังเกตเห็นได้คือ Honda ตัดช่องระบายลมด้านข้างบริเวณแก้มข้างหน้าออกไป
ส่วนบั้นท้ายมีการเปลี่ยนรายละเอียดไฟท้ายและเพิ่มแถบโครเมี่ยมเหนือกรอบป้ายทะเบียน

ขุมพลัง Honda Clarity Plug-in Hybrid ติดตั้งขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 181 แรงม้า
แรงบิด 314 นิวตันเมตร ติดตั้งแบตเตอรี่กำลัง 17 กิโลวัตต์ชั่วโมง พร้อมกับเครื่องยนต์
เบนซิน 1.5 ลิตร Atkinson Cycle เป็นตัวปั่นกำลังไฟฟ้าลงแบตเตอรี่และนั่นทำให้รถ
คันนี้มีระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 530 กิโลเมตรเลยทีเดียว

ส่วน Honda Clarity EV นั้นจะมีหน้าตาใกล้เคียงกับ Clarity FCV มากที่สุด แต่มีการ
เปลี่ยนชิ้นส่วนแก้มหน้าและบั้นท้ายเล็กน้อย

จุดขายของ Honda Clarity EV คือการเป็นรถซีดานใหญ่ที่มีเนื้อที่ห้องโดยสารกว้างขวาง
, สะดวกสบายและราคาพอซื้อหาได้ (เข้าใจว่ากะชนกับ Tesla Model S โดยตรง) ให้กำลัง
161 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่แพ๊ค 25.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ใช้เวลา
ชาร์จประจุไฟเต็มแบตเตอรี่ภายใน 3 ชั่วโมงหากใช้ไฟชาร์จ 240 โวลต์

ในตระกูล Honda Clarity นั้น Honda คาดหวัง Plug-in Hybrid จะเป็นรุ่นขายดีที่สุด
เพราะมันตรงจริตพฤติกรรมลูกค้ามากกว่า ทั้งคู่จะส่งขึ้นโชว์รูมภายในปลายปีนี้

Genesis

ในงานนี้ Genesis ไม่ได้เปิดตัว G70 รถซีดานสู้กับ BMW 3-Series ตามที่คาดการณ์
แต่อย่างน้อยก็เปิดตัว Genesis GV80 Concept ที่นอกจากจะเป็นการเปิดเผยทิศทาง
เอสยูวีระดับหรูคันใหม่ มันยังเป็นการประกาศความชัดเจนในการพัฒนารถยนต์ Fuel Cell
ของในเครือ Hyundai-Kia อีกด้วย

Genesis GV80 Concept มาพร้อมกับกระจังหน้า Genesis Crest Grille อันเป็นเอกลักษณ์ของ
แบรนด์ ด้านล่างเสริมด้วยช่องดักลมกันชนหน้า ที่ติดอยู่กับส่วนล่างของกระจัง ไฟหน้าดูแปลกตา
เสียหน่อย ด้วยโคมไฟแนวนอนขนาดเล็ก 2 ชั้น ส่วนช่องดักลมในกันชนไม่ได้เจาะช่องให้เป็นรู
เหมือนรถยนต์ทั่วไป แต่ออกแบบมาให้เป็นร่อง โดยมีขนาดใหญ่สุดตรงกลางกันชนและมีขนาด
เล็กลงเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้ซุ้มล้อทั้ง 2 ด้าน

แนวหลังคา ลาดลงด้านหลังเล็กน้อย ดูเข้ากับสปอยเลอร์หลังคาดี ไฟท้ายของ Genesis GV80
Concept เป็นโคมไฟแนวนอน 2 ชั้นเหมือนไฟหน้า พร้อมเทคโนโลยี Laser Fiber Optic ที่ให้
ความสว่างสูง ด้านล่างของกันชนมาพร้อมกับช่องระบายอากาศ 2 ชั้น โดยชั้นแรกอยู่ระดับเดียว
กับขอบป้ายทะเบียนล่าง ส่วนอีกชั้นอยู่ในตำแหน่งเดียวกับ ดิฟฟิวเซอร์หลังของรถยนต์ทั่วไป

ดูแนวทางการออกแบบแล้วก็ชัดเจนว่ารถต้นแบบคันนี้พร้อมที่จะผลิตสู่โลกแห่งความจริงได้ในอนาคต
จากขนาดตัวถังคาดว่าน่าจะไปแข่งกับ BMW X5

Hyundai

Hyundai Sonata Minorchange ได้ฤกษ์เปิดตัวที่งานนี้อย่างได้จังหวะเพราะเวลานี้แทบ
ไม่มียี่ห้อไหนกล้าเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในระดับ D-Segment เท่าไรนัก

Hyundai กล้าลงทุนออกแบบ Sonata Minorchange ให้กลายเป็นรถซีดานที่ยกระดับ
ความหรูหรายิ่งกว่ารุ่นปัจจุบันและรุ่นก่อน ๆ ดีไซน์ภายนอกถูกปรับปรุงให้สวยงามกว่า
รุ่นเดิมด้วยกระจังหน้า Cascade Grille ดูอ่อนช้อยแต่ทรงพลัง, ไฟ DRL LED ที่มีเส้นต่อ
เนื่องจากเส้นโครเมี่ยมลากจรดขอบเสา A

ภายในห้องโดยสารมีการปรับปรงใหม่ฉีกภาพลักษณ์ด้วยการเปลี่ยนแปลงวัสดุหุ้ม
ภายในใหม่, เปลี่ยนรูปทรงปุ่มกดใหม่, เปลี่ยนแปลงรายละเอียดคอนโซลกลางใหม่
และมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์บั้นท้ายใหม่ดูเรียบ ๆ แต่ก็ดูหรูเร้าใจยิ่งขึ้น

ความเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกประการคือการปรับปรุงการขับขี่และการบังคับควบคุม
ให้มีความมั่นใจในการขับขี่ยิ่งขึ้น, ปรับปรุงการตอบสนองของพวงมาลัย, ปรับปรุงการ
เก็บเสียง การสั่นสะเทือนและความกระด้างให้ดีขึ้น

Hyundai Sonata Minorchange ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรเทอร์โบ DOHC
16 วาล์ว D-CVVT 1,998 ซีซี 245 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 352 นิวตัน
เมตรที่ 1,350 – 4,000 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เพิ่มช่วงกว้างอัตรา
ทดเกียร์ตั้งแต่รอบต่ำถึงรอบสูง

Infiniti

พักนี้ค่ายรถหรูที่จับตลาดคนทั่วไปเริ่มพัฒนาความหรูหราไปสู่ระดับ Upscale Luxury หรือ
ยกความหรูหราเกือบจะไปแตะกับ High-End Luxury กันแล้ว ค่าย Infiniti ก็เช่นกันพวกเขา
ได้เผยโฉม Infiniti QX80 Monograph ที่ถึงแม้ยังคงพัฒนาอยู่บนพื้นฐาน QX80 รุ่นปัจจุบัน
แต่มันได้ถูกขัดเกลาให้ดูน่าหลงใหลขึ้น

ความน่าสนใจของ Infiniti QX80 Monograph คือการออกแบบอย่างไรให้มันน่าดู
น่าสนใจขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบัน ถ้าอ่านจาก Press Release ก็พบว่าทีมออกแบบได้ผสม
ผสานเส้นสายระหว่างเลขาคณิตกับเส้นสายแห่งธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน

สิ่งสะดุดสายตามากที่สุดคือการออกแบบไฟหน้าทรงมนที่ล้อมรอบมุมอย่างลงตัว
, กระจังหน้าทรงใหม่ที่เห็นได้จากรถยนต์ Infiniti รุ่นปัจจุบัน

นอกจากความหรูหราใหม่ที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าแล้ว ตัวรถยังถูกพัฒนาให้มีค่า
สัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ดีเยี่ยมอีกด้วย

Kia

Kia ลงทุนเปิดตัว Rio Sedan Modelchange ที่แรกในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากตลาด
ที่นี่เป็นตลาดที่ใหญ่มากสำหรับรถขนาด B-Segment Sedan

งานนี้ Kia ปรับกลยุทธ์การพัฒนา All NEW Kia Rio Sedan ให้กลายเป็นรถซีดานที่มีความ
เรียบง่าย

ดีไซน์ภายนอกมีเส้นสายเฉียบคม, มีพื้นผิวที่ดูนุ่มนวล ดูสง่างามและดูสปอร์ตกว่า Kia Rio
Sedan รุ่นที่แล้ว กระจังหน้า Tiger Nose ดูใหม่และน่าสนใจขึ้น, ไฟหน้ามีมุมเฉียงทรง
ปราดเปรียว สัดส่วนของห้องเครื่องยนต์ดูขนานกับพื้นทำให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นทัศน
วิสัยได้ดีขึ้น

ขนาดตัวถังของ All NEW Kia Rio Sedan ถูกขยายเป็น 4,384 มิลลิเมตร (รุ่นเดิมยาว
4,368 มิลลิเมตร) มีความยาวฐานล้อ 2,580 มิลลิเมตร ในขณะที่ความสูงตัวถังถูกกด
ให้เตี้ยลงจึงทำให้ Kia Rio รุ่นใหม่มีสัดส่วนที่ดูบึกบึนและมีมาดมากยิ่งขึ้น ทำให้ Kia กล้า
ท้าเลยว่า Rio Sedan นี่ล่ะมีสัดส่วนที่ดูจับต้องและชัดเจนกว่ารถซับคอมแพคท์ทั่วไป

ภายในห้องโดยสารจะเน้นขายความกว้างขวาง, ทันสมัยและยกระดับด้วยอุปกรณ์มาตร
ฐานต่าง ๆ, มีการปรับปรุงคุณภาพวัสดุและเลย์เอาท์ที่ทำให้ใช้งานได้ง่าย

Lexus

Lexus LS F Sport เปิดตัวในช่วงจังหวะที่ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เพราะเมื่อไม่นานมานี้
Lexus เพิ่งเปิดตัว All NEW LS ไปหมาด ๆ ที่งาน Detroit Autoshow 2017

Lexus LS F Sport น่าจะเป็นรถเด่นที่ Audi RS8, BMW M7 ต้องจับตามอง เพราะ
Lexus ไม่ปล่อยให้ตลาดรถหรูเวอร์ชันแรงพิเศษระดับ Flagship ว่างเว้นไปไหน

ดีไซน์ภายนอกแม้ว่าอาจจะดูไม่แตกต่างจาก Lexus LS รุ่นใหม่มากจนพลิกคนละฝ่ามือ
แต่ก็มีรายละเอียดรอบคันที่แตกต่างกันอยู่ดี กระจังหน้า Spindle Grille ที่ถักทอด้วยวัสดุ
7,100 ลายเส้นดูดุดันแต่ขณะเดียวกันก็ยังออกแบบให้สามารถระบายความร้อนได้
นอกนั้นก็ประกอบด้วยแอโร่พาร์ทรอบคัน

ไฮไลต์สำคัญคือขุมพลังที่สุดแรงเกิดทั้ง 2 แบบ ได้แก่ Lexus LS500 F Sport ติดตั้ง
เครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร DOHC 24 วาล์ว ฉีดเชื้อเพลิงตรง ทวินเทอร์โบที่ได้รับเทคโนโลยี
จากรถแข่ง F1 นั่นจึงทำให้เครื่องยนต์ V6 บล็อกนี้สามารถแรงเทียบเท่าได้กับเครื่อง V8
เพราะมันแรงถึง 415 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตรจับคู่เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ
สามารถทำความเร็ว 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.5 วินาทีในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง

และ Lexus LS500h F Sport มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.5 ลิตร DOHC 24
วาล์ว D-4S ฉีดเชื้อเพลิงตรง 295 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า
ขนาดย่อม/เจเนเรเตอร์ 2 ตัว รวมพละกำลังแล้วก็แรงถึง 354 แรงม้าพ่วงกับระบบเกียร์
Multi Stage สามารถทำความเร็ว 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 5.2 วินาทีในรุ่นขับ
เคลื่อนล้อหลัง

Lincoln

All NEW Lincoln Navigator ที่มีการเปลี่ยนโฉมจนเกือบจะจำไม่ได้เพราะมันเปลี่ยน
แปลงเสียจนดูหรูหราขึ้นมาก นอกจากงานดีไซน์ที่ดูงดงามขึ้นแล้ว งานวิศวกรรมก็เป็น
จุดเด่นที่ช่วยสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ลูกค้าด้วยโครงสร้างตัวถังอลูมิเนียมที่หั่นน้ำหนัก
เบากว่าเดิม 90 กิโลกรัม ส่วนรายละเอียดทางเทคนิคกลับไม่ได้ระบุอะไรมากนัก นอกจาก
ว่าติดตั้งเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบชาร์จ 450 แรงม้าเคียงคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ

ภายในห้องโดยสาร All NEW Lincoln ถูกอัพเกรดจนมีความหรูหราอีกระดับ เบาะนั่ง
3 แถวถูกพัฒนาให้ใช้งานอเนกประสงค์โดยเฉพาะเบาะนั่งตอนสุดท้ายที่ถูกออกแบบ
ให้พับเก็บเรียบซ่อนใต้พื้นห้องสัมภาระ

เบาะนั่งตอนหลังติดตั้งหน้าจอความบันเทิงขนาด10 นิ้ว, ให้คุณภาพเสียงสมบูรณ์แบบ
ด้วยลำโพง Revel Ultima 20 ตัว

Subaru

เมื่อไม่นานมานี้มีภาพแอบถ่าย Subaru Ascent เอสยูวีใหญ่ติดตั้งเบาะนั่ง 3 แถว 7
ที่นั่งออกมาให้เห็นกันแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่า Subaru จะเปิดตัว Ascent Concept ใน
ฐานะรถต้นแบบก่อนเปิดตัวรถคันจริงในปี 2018

แนวทางการออกแบบภายนอกนั้น เน้นไปที่ความแข็งแกร่ง (Dynamic x Solid) ซึ่งแสดงออก
ผ่านซุ้มล้อขนาดใหญ่ และ กระจังหน้าทรงบึกบึน ที่บ่งบอกความเป็น SUV ขนานแท้ ส่วนล้อของ
รถยนต์ต้นแบบมีขนาด 21 นิ้ว

Subaru Ascent SUV Concept มาพร้อมกับเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง พร้อมที่นั่งแบบ Captain’s Seat
ส่วนแผงแดชบอร์ดและคอลโซลต่างๆ ดูเชื่อมต่อกันไม่ขัดตา ทั้งยังมีหน้าจอสัมผัสแสดงผลกลาง
แดชบอรด์ขนาดใหญ่ และ ขนาดเล็กอีกหนึ่งจอบริเวณกึ่งกลางแผงแดชบอร์ดด้านบน สำหรับ
แสดงข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ ส่วนด้านบนหลังคา มี Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่ ยาวตั้งแต่
เบาะแถวที่ 1 ถึงเบาะแถวที่ 3

Toyota

บูธนี้น่าจะสร้างความ Surprise ที่สุดเพราะ Toyota อวดโฉม FT-4X Concept ที่
หลายคนเก็งว่าจะมาแทน FJ Cruiser แต่แท้จริงแล้ว FT-4X Concept มันคือ Toyota
C-HR เวอร์ชันทางเลือกใหม่นั่นเอง

Toyota FT-4X Concept มีไฟหน้าสี่เหลี่ยมคางหมู พร้อมกันชนหน้า-หลังแบบตัดสูง ให้ตัวรถยนต์
สามารถทำมุมไต่ – มุมจากได้มากขึ้น ทั้งยังมีหูยึด 4 ตำแหน่งทั้งหน้า-หลังด้วย ด้านหลังมีประตูแบบ
Multi Hatch ที่สามารถเปิดแบบตู้กับข้าว หรือเปิดยกทั้งบานก็ได้ ด้านข้างโดดเด่นด้วยซุ้มล้อขนาด
ใหญ่, กระจกยาวตลอดแนวเสา C-Pillar ซึ่งมีชื่อว่า Picture Window และกล้อง GoPro ที่ติดตั้งอยู่
ในกระจกมองข้างฝั่งคนขับ

ภายในของ Toyota FT-4X Concept ออกแบบมาให้ตอบรับการใช้ชีวิตผจญภัย เริ่มต้นกับกล่อง
เก็บของกลางคอลโซลที่ถอดออกได้, ถุงนอนจาก The North Face ที่ติดตั้งในตำแหน่งที่วางแขน
และ ช่องเก็บของทั้งแบบร้อนและเย็น บริเวณห้องโดยสารตอนหลัง

ถ้าอยากได้ก็ต้องส่งเสียงเรียกร้องเยอะ ๆ เพราะถ้า Toyota ได้ยินเสียงตอบรับดีพวกเขาจะผลิตมันแน่