ราวกับนัดกันมาชนแก้วแชมเปญฉลองความยิ่งใหญ่ของศิลปิน นักดนตรี โปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง ของวงการเพลงไทย
ยุค80’s-90’s  เดือนตุลาคม 2558 ประเทศไทยมีคอนเสิร์ตเพลงประภาส ของประภาส ชลศรานนท์ ,โชว์ที่ชื่อว่า
”เผลอ เดอะ คอนเสิร์ต”จากธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ,คอนเสิร์ตลมหายใจไร้มลทิน เชิดชูการทำงานยาวนานหลายทศวรรษ
ของจิรพรรณ อังศวานนท์ (โดยมีคุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ผู้จัดงานมอเตอร์เอ็กซโป เป็นเจ้าภาพ) และคอนเสิร์ตครบรอบ
การทำงานเพลง 30 ปีของคุณตุ่น-พนเทพ สุวรรณะบุณย์ โปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
ศิลปินไทยมากมาย

 

จะเรียกคอนเสิร์ตครั้งนี้ว่าเป็น”Ponthep’s Songbook “ ก็ยังได้ เพราะเพลงที่คุณตุ่นทำไว้ในช่วงระยะเวลา30ปี สามารถ
รวบรวมเป็นหนังสือเพลงเล่มโตได้หลายเล่มเลยทีเดียว คอนเสิร์ต”รักนิรันดร์”ที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปเมื่อวันที่17พย.นี้ ที่
GMM LIVE HOUSE, Central World  เพลงที่ถูกนำมาเรียบเรียงและร้องใหม่อีกครั้งโดยศิลปินตั้งแต่รุ่นใหญ่ รุ่นกลาง
รุ่นเล็ก เป็นเพียงไม่กี่หน้าของหนังสือเพลงพนเทพเท่านั้นจากบรรดาเพลงทั้งหมดที่คุณตุ่นเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำงาน
ทุกขั้นตอนจนประสบความสำเร็จมายาวนานในช่วง3ทศวรรษที่ผ่านมา

 

ก่อนจะพาคุณผู้อ่านเข้าสู่บันทึกความทรงจำจากบรรยากาศคอนเสิร์ต”รักนิรันดร์” เราควรมาทำความรู้จักผู้ชายที่ชื่อ
”พนเทพ สุวรรณะบุณย์”กันก่อน เพราะถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ได้โตมาในยุคที่การฟังเพลงยังต้องพึ่งพาเทปคาสเส็ทท์ แผ่นเสียง
ซีดี ซึ่งแพลทฟอร์มเหล่านั้นเราสามารถคลี่ปกอ่านรายละเอียดที่พิมพ์เครดิตทีมดนตรีเบื้องหลังการทำงานแต่ละอัลบั้ม
คุณจะตกอยู่ในบ่อเครื่องหมายคำถามอย่างแน่นอนว่า ฮู อีส พนเทพ ? แต่ถ้าคุณโตทัน หลายผลงานอัลบั้มจากชรัส เฟื่องอารมณ์
,วิยะดา โกมารกุล ณ นคร ,มาลีวัลย์ เจมีน่า ,ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว เรื่อยมาจนถึงโรส ศิรินทิพย์,พั้นช์-วรกาญจน์ ,
โหน่ง-พิมลักษณ์ ฯลฯ ล้วนปรากฏชื่อของ พนเทพ สุวรรณะบุณย์ ในฐานะโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง เรียบเรียงเสียงประสาน
หรืออาจควบคุมการผลิตทุกขั้นตอนตั้งแต่โน้ตตัวแรกยันผลิตเสร็จเรียบร้อยออกวางขาย

 

Ponthep_001

 

คุณพนเทพเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเซนต์คาเบรียล รุ่นน้องคุณเต๋อ-เรวัติ พุทธินันทน์ ประมาณ2ปี สมัยเรียนที่เซนต์คาเบรียล
ทั้งสองเคยเล่นดนตรีด้วยกันตามประสาคนหนุ่มที่หลงใหลในเสียงเพลง ในเวลาต่อมาทั้งคู่ได้ทำงานด้วยกันที่แกรมมี่
เมื่อก้าวเท้าเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปี2514 ปีแรกที่รามคำแหงเพิ่งก่อตั้ง เขาได้พบกับเพื่อนที่มีความหลงใหล
ในเสียงเพลงเช่นเดียวกันในชมรมดนตรี เล่นดนตรีให้กับ R U BAND (ผมเดาว่าน่าจะย่อมาจาก RAMKAMHANG
UNIVERSITY BAND ข้อมูลทีได้มา ไม่ระบุความหมายที่ชัดเจน)

 

สองคนในนั้นต่อมากลายเป็นเพื่อนสนิทที่ทำงานดนตรี ด้วยและคบหากันมาจวบจนปัจจุบัน คือ แต๋ม-ชรัส เฟื่องอารมณ์
และ ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว เมื่อหัวใจฝักใฝ่ดนตรี จนถอนตัวไม่ขึ้น คุณตุ่นออกเล่นดนตรีตามไนต์คลับ ในยุคสมัยนั้น
ที่ทหารอเมริกันเข้ามาตั้งฐานทัพในไทย ทหารพวกนั้น ใช้เวลาหาค่ำคืนเผาผลาญเงินไปกับความสุขตามสถานบันเทิง
จากนั้นเขาเริ่มตั้งวงดนตรีของตัวองขึ้นมาชื่อวง FLASH เล่นดนตรีกลางคืนที่เดอะ ไนล์ โรงแรมแมนดาริน และเป็นวงดนตรี
ที่เคยทำเพลงให้กับชรัสหลายต่อหลายชุด เช่น อัลบั้ม ”รู้อยู่แก่ใจ” รวมทั้งเคยออกอัลบั้มเพลงสากลที่ชื่อ GOLD ชื่อไทย
คือ “คนบ้าทอง” ออกร่วมกับนักร้องอารมณ์ดี สุเทพ ประยูรพิทักษ์ (ตอนหลังน้าแกได้มาเป็นพรีเซนเตอร์ฮีโน่)  เขาเคยเข้า
ทำงานในการบินไทยช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะลาออกมาทำงานดนตรีเต็มตัว ภาคดนตรีที่ละเมียดละไมของเขานั้น เริ่มต้น
มาจากเนื้อร้องที่ชรัสเริ่มแต่งขึ้นมาแล้วนำมาให้เขาใส่ทำนอง งานเพลงคุณภาพที่มีลายเซ็นเป็นของตัวเองของนายตุ่น
พนเทพ เริ่มต้นจากจุดนั้นเป็นต้นมา ด้วยนิสัยที่รักเสียงเพลง อยากให้ท่วงทำนองที่ผลิตออกมามีความไพเราะที่สุด
มากครั้งในการเริ่มผลิตงานเพลงสักชิ้น เขาจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่เริ่มต้นค้นหาเมโลดี้ ยุคสมัยอนาล็อคที่เครื่องมือยังไม่ทันสมัย
เพียงพอจะอำนวยความสะดวกตลอดเวลา เขาต้องใช้ความจำบรรจุเมโลดี้ท่วงทำนองสารพัดไว้ในลิ้นชักสมอง ก่อนจะนำไป
แตกโน้ตถ่ายทอดให้เพื่อนๆซ้อมจนชำนาญ ก่อนจะเข้าสู่โหมดบันทึกเสียงในลำดับถัดไป

 

ทุกเพลงในคอนเสิร์ต”รักนิรันดร์” ถูกนำมาเรียบเรียงดนตรีใหม่ทั้งหมด โดยมีคุณอั๋น-ปธัย วิจิตรเวชการ ทำหน้าที่ MUSIC
DIRECTOR โชว์ครั้งนี้ บนเวทีวันนั้น คุณอั๋นนำวงดนตรี”ต้นเสียง”ขึ้นมาบรรเลงเป็นแบ็คอัพให้โชว์ครั้งสำคัญของคุณตุ่น
ตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าคุณผู้อ่านได้ไปร่วมงานพบปะสังสรรค์กับทีมงานHeadLightMag ที่ร้านSortrel Cottageเมื่อวันที่ 10ตค.
ที่ผ่านมา ผู้ชายที่ยืนเล่นคีย์บอร์ดอยู่ฝั่งซ้ายมือ คนนั้นล่ะครับ ต่างกันเพียงวันนั้นคุณอั๋นมาพร้อมอีกวงดนตรีในเครือเดียวกัน
ที่ชื่อวงว่า”What’s Abb” และนักร้องนำผู้ชายในวันมีตติ้งวันนั้น ก็มาทำหน้าที่เป็นหนึ่งในสามนักร้องประสานเสียง
ตลอดทั้งโชว์ซึ่งกินเวลาไปทั้งสิ้นเกือบ 4 ชั่วโมง คุณตุ่น-ในฐานะพระเอกของงาน ทำหน้าที่ร้อยเรียงเรื่องราวทั้งหมด
ทุกเพลง ตั้งแต่เพลงแรกถึงเพลงสุดท้าย เล่าที่มาที่ไป เบื้องหลังของแต่ละเพลง เรื่องราวมิตรภาพระหว่างเพื่อนในการ
ทำงานเพลง ฯลฯ

 

ผมต้องออกตัวขออภัยไว้ตรงนี้ว่า 3 เพลงแรกของโชว์ คือ

1. เพลงรักนิรันดร์ ฉบับรรเลงโดยพนเทพ+วงต้นเสียง
2.ทั้งรู้ก็รัก
3.อยู่ที่ใจ ร้องโดยชรัส เฟื่องอารมย์

ผมเข้าไปดูไม่ทัน เพราะความประมาทของผมเองโดยส่วนตัวที่คิดว่าคอนเสิร์ตน่าจะเริ่มช้าเหมือนหลายๆโชว์ที่ผ่านมา
การณ์กลับตาลปัตรเมื่อผมเดินเข้าห้องจัดงาน ก็เดินทางมาถึงเพลงที่3ของโชว์เข้าไปแล้ว ก็คือเพลง”หลับตา” เมื่อไม่นาน
มานี้ ถ้าคุณได้ฟังเพลงแร็ปที่ชื่อ”ชูใจ”ของกอล์ฟ-ฟักกลิ้งฮีโร่ ซึ่งเขาแต่งขึ้นมาให้ลูกสาววัยแบเบาะ ท่อนฮุคที่ร้องว่า
”…หลับตาซิที่รัก…ในวงแขนของฉัน..จะไม่มีผู้ใด..คิดทำร้ายเธอได้..” นั่นคือเนื้อร้องที่คุณกอล์ฟนำท่อนฮุคของเพลง
”หลับตา” ต้นฉบับจากชรัส เฟื่องอารมณ์ นำไปใส่ไว้ในเพลงของตนเอง ศัพท์เทคนิคเรียกวิธีการนี้ว่า นำท่วงทำนองบางส่วน
จากเพลงอื่นมา Sampling  ก่อนที่ผู้ชมจะได้ฟังเพลง”หลับตา”คุณตุ่นเล่าถึงแรงบันดาลใจที่ได้จากการชมภาพยนตร์โรแมนติก
เรื่องหนึ่งซึ่งพระเอกที่ถึงแม้จะมีฐานะทางสังคมไม่สู้จะดีนัก แต่ความรักที่มอบแก่หญิงสาวของเขานั้นมีมากอย่างล้นเหลือ
แม้ในยามหลับใหล เล่าจบเสียงผ่านไมโครโฟนก็ค่อยๆลอยออกมาจากข้างเวที น้าแต๋ม-ชรัส เฟื่องอารมณ์ กับการทำหน้าที่
ขับขานเพลงนี้อีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ เพลง”หลับตา”เป็นเพลงที่อยู่ในสตูดิโออัลบั้มชุด”คืนรักที่อบอุ่น”เมื่อ 27 ปีที่แล้ว
ถัดจากนั้นไฟบนเวทีสาดส่องไปที่สตรีสวมเสื้อปักเลื่อมสะท้อนแสง เธอค่อยๆออกมาจากด้านข้างเวทีฝั่งซ้าย หลังจากโน้ต
ตัวแรกดังขึ้น เพลง”ฝัน..ฝันหวาน” ผุสชา โทณะวณิก เธอปรากฎกายยืนร้องเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้เธอมากที่สุดจากอัลบั้มแรก
ตามติดด้วยเพลงที่ชื่อว่า”เพลง”จากงานชุดเดียวกันที่มีจังหวะกระฉับกระเฉง เสียงร้องคุณตุ้ม-ผุสชาวันนั้น ออกจะแหบพล่า
เนื้อเสียงแตกลายงา เหมือนเสียงเปล่งออกมาไม่เต็ม

 

Ponthep_002

 

และแล้วก็ถึงคิวของเพื่อนรักของคุณตุ่นอีกคน ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว ประเดิมร้องเพลงแรกในคอนเสิร์ตของเพื่อนรัก
ด้วยเพลงที่ผมเกือบจะลืมไปแล้วว่าเคยเล่นเพลงนี้ออกอากาศเมื่อครั้งที่เริ่มต้นจัดรายการวิทยุใหม่ๆ ต้องเล่าย้อนไปว่า
ช่วงปลายยุค90 คุณชนินทร์ โปสาภิวัฒน์ อดีตผู้ก่อตั้งค่ายครีเอเทีย หลังจากอาการป่วยทางสมองของแกเริ่มทุเลาเบาบางลง
คุณชนินทร์กลับมาทำค่ายเพลงอีกครั้ง ชื่อOh My God ! และแน่นอนว่าคุณตุ่นเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญให้กับการผลิตเช่นเคย
หนึ่งในศิลปินที่มีผลงานกับค่ายนี้ คือ โจ๊กเกอร์-นพชัย มัททวีวงศ์ หนึ่งในก๊วนนักแสดงจากภาพยนตร์100ล้านเรื่องแรกของ
ประเทศไทย”2499 อันธพาลครองเมือง” โจ๊กเกอร์ออกอัลบั้มชื่อ “Joker is’’ มีเพลงฮิต”อยู่เพื่อรักเธอ” คุณปั่น ผู้ชายผมตั้ง
ชูชันชี้ขึ้นฟ้าตลอดเวลา ทรงผมไม่เคยเปลี่ยนตลอดหลายปีที่ผมเห็นตามสื่อต่างๆ ร้องเพลงนี้ เพลงฮิตเพียงเพลงเดียวของ
โจ๊กเกอร์ One Hit Wonder โดยแท้จริง ถัดจากนั้นถึงคิวเพลงรักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงา คุณปั่นขับขานงานฮิตชื่อ
“ส่องกระจก” จากชุด”บอกรัก”อัลบั้มลำดับที่2 หลังจากย้ายมาทำงานกับแกรมมี่ในช่วงต้นยุค90 คุณตุ่นบอกกับผู้ชมว่า
”ส่องกระจก”คือเพลงที่เขารักมากที่สุดเพลงหนึ่งตลอดชีวิตการทำงานเพลง จึงตั้งใจเลือกเพลงนี้ให้คุณปั่นในฐานะเพื่อนรัก
ได้ร้องเพลงนี้บนเวทีคืนนั้นโดยเฉพาะ แต่ไม่วายตามประสาคนอารมณ์ดี คุณปั่นหยอกกลับไปว่าเพลงรักที่สมหวังอย่าง
”รักยืนยง” ที่มีผู้นำไปร้องคัฟเวอร์อัพโหลดลงช่องยูทูบหลายล้านวิว ทำไมไม่ให้เขาร้อง (ระหว่างนั้นทีมงานฉายวีดีโอตัวอย่าง
คนที่ร้องบรรเลงเพลง”รักยืนยง”ฉบับคัฟเวอร์) ทันทีที่ตัวอย่างวีดีโอจากยูทูบจบ อินโทรเพลง”รักยืนยง”ที่ผ่านการเรียบเรียงใหม่
อย่างประณีตบรรจง  ค่อยๆดังขึ้นพร้อมคิวการปรากฏตัวของสองพี่น้องนามสกุลสุพรรณเภสัช ณรงค์ฤทธิ์กับวิศรุตเทพ
แห่งวงSOUL AFTER SIX

 

ปิงปอง-วิศรุตเทพ รับหน้าที่ร้องนำถ่ายทอดอารมณ์ในเพลง”รักยืนยง” ก่อนที่จะสลับมายังปึ่ง-ณรงค์ฤทธิ์ ร้องนำบ้าง
ในเพลง”เก็บใจ” สองเพลงฮิตของคุณปั่นจากยุคที่ออกผลงานกับสังกัดครีเอเทีย ปิงปองกับปึ่งแปลงโฉมทั้งสองเพลง
ให้มีกลิ่นอายของโซลมิวสิคตามแนวทางถนัดได้น่าประทับใจอย่างที่สุด โดยเฉพาะ”เก็บใจ” ที่โดยส่วนตัวผมชอบเป็นพิเศษ
เป็นอยู่แล้ว ถูกแต่งเติมความเข้มข้นภาคดนตรีที่เข้มข้น ใส่ใจ พิถีพิถัน จนคุณตุ่นเจ้าของโชว์คืนนั้นเองถึงกับเอ่ยชมด้วย
ความรู้สึกฉงนสงสัยว่าเพลงที่ตนเองเคยทำไว้ นำมาเรียบเรียงดนตรีและร้องใหม่ได้เข้มข้นขนาดนั้นเชียวเหรอ

 

แขกรับเชิญคนต่อไปของคอนเสิร์ตถัดจากSOUL AFTER SIX เป็นนักเรียนรุ่นน้องเซนต์กาเบรียลของคุณตุ่น นักร้องนำวง
FRIDAY บอย-ตรัย ภูมิรัตน์ ผู้ชายตัวกลมร่างใหญ่แลดูใจดี มีหนังสือการ์ตูนพกติดตัวไว้ตลอดเวลา รับหน้าที่ร้องเพลง”
เฝ้าคอย”กับ”รักล้นใจ” ถัดจากนั้นเพลงรักร้องคู่ลักษณะตอบโต้กันไปมาหยิกแกมหยอกที่เคยได้รับความนิยมอย่างสูงใน
ต้นยุค 90 “เล็กๆน้อยๆ” จากอัลบั้ม ”ปรารถนาและอารมณ์” ของมาลีวัลย์ เจมีน่า ที่เธอร้องไว้คู่กับคุณปั่น และเคยถูกนำไป
ประกอบละคร (จำชื่อไม่ได้แล้ว ขออภัยจริงๆ คุณดู๋-สัญญา คุณากร เล่นคู่กับคุณนิด-อรพรรณ พานทอง ) การนำกลับมา
ร้องโชว์บนเวทีคอนเสิร์ต”รักนิรันดร์”คืนนั้น บอย-ตรัย ควงคู่ลูกหว้า-พิจิกา รับบทพ่อแง่แม่งอน ร้องเพลงโต้ตอบกันไปมา
โดยมีกราฟฟิคปรากฏบนจอเป็นห้องแชทในLINE ที่คู่รักกำลังถกเถียงกัน ส่งสติ๊กเกอร์แสดงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ
ทั้งเพลงทั้งกราฟฟิค ที่ใช้ น่ารักน่าชัง ล้อไปด้วยกันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ขอปรบมือดังดังให้กับความคิดสร้างสรรค์ของฉาก
กับเพลงที่เล่นกับความรู้สึกได้ตรงใจ และร่วมสมัยด้วยLINE ที่ในยุคนี้ใครๆก็ใช้เป็นช่องทางคุยกัน

 

จบจากร้องคู่กันที่น่าประทับใจ ถึงคิวลูกหว้า-พิจิกา ฉายเดี่ยวบนเวที เพลง”โอ้ใจเอ๋ย”เคยใช้ประกอบละครเรื่องบาดาลใจ
ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เธอยังทำงานในนามวงดูบาดู(DooBaDoo) ซึ่งมีคุณเป๋า-กมลศักดิ์ สุนทานนท์ เขียนเนื้อร้อง ทำนองโดย
คุณตุ่น-พนเทพ สุวรรณะบุณย์  ถูกนำมาถ่ายทอดด้วยเสียงร้องที่แสดงความรวดร้าวของหัวใจ รื้อฟื้นความทรงจำอีกครั้ง
หลังจากไม่ได้ฟังเพลงนี้มานาน ด้วยภาคดนตรีที่เลิศเลอ ความเจ็บปวดรวดร้าวถูกสานต่อด้วยเพลง”รู้ไหมทำไม” (จากอัลบั้ม
”คืนวันพระจันทร์เป็นใจ”ของมาลีวัลย์ เจมีน่า) ลูกหว้าสะกดผู้ชมทั้งห้องด้วยน้ำเสียงที่ระบายความรู้สึกทั้งหมดจากก้นบึ้งหัวใจ
ของผู้หญิงที่เหงา น้อยใจ อยากบอกให้ผู้ชายเข้าใจ อธิบายถึงความรู้สึกและสาเหตุของที่เปลี่ยนใจไปรักคนอื่น โชว์ของลูกหว้า
ในเพลงนี้ราวกับเราได้นั่งชมละครเพลงชั้นดีที่ตั้งใจตีตั๋วตั้งแต่รอบเออรี่เบิร์ด คุ้มค่ากับการรอคอย

 

Ponthep_003

 

 

ไฟที่โรยตัวดับลงหลังจบโชว์ของลูกหว้า-พิจิกา ค่อยๆสว่างขึ้นมาอีกครั้งพร้อมหนุ่มผมยาวหน้าสวยออกมาร้องเพลง
”บอกรัก”และ”เติมไม่เต็ม” เจตนาแรกของโชว์นี้ ตั้งใจจะป้อนเพลง”พี่ชายที่แสนดี”ให้คุณซิน-ซิงกูลาร์ แต่ด้วยเหตุ
ขัดข้องบางประการ ทำให้ต้องเปลี่ยนมาเป็นสองเพลงดังกล่าว

25 HOURS พกเพลงที่ได้รับมอบหมายมาถ่ายทอดถึง3เพลง “ขีดเส้นใต้”,”คนขี้เหงา”เพลงที่ครั้งหนึ่งเคยแจ้งเกิดให้กับ
นีโน่-เมทนี บูรณะศิริ วงดนตรียี่สิบห้าชั่วโมงเปลี่ยนความเหงาจากบุคลิกเดิมในต้นฉบับ ที่บุคลิกสุขุมนุ่มลึก มาเป็นคนขี้เหงา
ที่แสดงออกทางสีหน้ายียวนกวนประสาท และพวกเขายังได้นำเพลง”ไม่เคย”ที่ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง”คิดถึงวิทยา”
ขึ้นโชว์บนเวทีครั้งนี้อีกด้วย

 

แขกรับเชิญคนถัดไปของคุณตุ่น เป็นศิลปินเสียงทุ้มนุ่มลึกที่เรามักได้ยินเสียงของเขาอ่านสปอตโฆษณามากมายหลาย
ผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะสินค้าพรีเมี่ยมที่ต้องการความน่าเชื่อถือขั้นสูง ธีร์ ไชยเดช กับอะคูสติกกีตาร์-เครื่องดนตรีประจำตัว
นั่งเล่นเพลง”เพราะเธอ” ที่ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง”เค้าเรียกผมว่าความรัก” คู่กับคุณตุ่นซึ่งขยับจากตำแหน่งนั่งเดิม
เขยิบมานั่งข้างๆคุณธีร์ แล้วบรรเลงเพลงดังกล่าวไปพร้อมกัน เพลง”เพราะเธอ”เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราเห็นว่าดนตรี
ทำหน้าที่ผูกมิตรภาพนักดนตรีด้วยกัน เป็นบรรยากาศน่าอบอุ่นของนักดนตรีรุ่นใหญ่ทั้งสองคนที่โอภาปราศัยให้เกียรติ
ซึ่งกันและกันต่อหน้าธารกำนัล

 

เก้าอี้ถูกเพิ่มเข้ามาอีก 1 ตัวตรงจุดที่คุณตุ่นเล่นกีตาร์กับคุณธีร์เมื่อสักครู่ เมื่อเพลง”เพราะเธอ”จบลงกับความประทับใจ
ผ่านเสียงปรบมือกึกก้องทั่วทั้งฮอลล์ เก้าอี้ที่นำมาเสริมอีก1ที่เมื่อรวมที่มีอยู่เดิม 2 ตัวนั้นเพื่อรองรับการกลับมาอีกครั้ง
บนเวทีของเพื่อนรักคุณตุ่นอีกครั้ง…ชรัส เฟื่องอารมย์และปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว ในรูปแบบเหมือนล้อมวงเล่นดนตรี
บ้านใครสักคน คุณปั่นเองปกติทุกคนมักจะเห็นยืนร้องเพลง ถือไมโครโฟนสร้างความบันเทิงแก่ผู้ชมเสียส่วนใหญ่ แต่อีก
มุมหนึ่งซึ่งหลายคนไม่ทราบคือแกมีความสามารถในการเล่นกีตาร์ โชว์ในช่วง”ตุ่น-แต๋ม-ปั่น” จึงมีกีตาร์2ตัว ในมือคุณตุ่นและ
คุณปั่นส่วนคุณแต๋ม-ชรัส นั่งกลาง รับหน้าที่ขับร้อง เริ่มด้วยเพลง”หยดน้ำ” ตามด้วย”อยากจะมีเธอ” เพลงที่เคยอยู่ในอัลบั้ม
แรกของ”ป้อม-เกริกศักดิ์ ยุวหงษ์” และถ้าใครที่อยู่ในคอนเสิร์ตคืนนั้นช่างสังเกต ผู้ชายรวบยาวใส่หมวกนั่งเคาะเพอคัสชั่น
ข้างหลังคุณปั่น คอยให้จังหวะขณะที่ทั้งสามคนกำลังเล่น+ร้องเพลง เขาคนนั้นแหล่ะครับคือ”ป้อม-เกริกศักดิ์ “ ล่าสุดเป็น
สมาชิกคนหนึ่งของวงดนตรี”นั่งเล่น”อีกด้วย

 

จบจากคิวของ”ตุ่น-แต๋ม-ปั่น” ก็ได้เวลาของวงดนตรีที่คุณตุ่นและเพื่อนๆในนาม”วงนั่งเล่น”ได้ออกมาพบกับผู้ชม วง”นั่งเล่น”
ตั้งขึ้นในช่วงปลายทางการทำงานก่อนคุณตุ่นจะลาออกจากจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ เป็นช่วงเวลาที่เขาหันกลับมาใส่ใจจริงจังการ
เล่นกีตาร์อย่างตั้งอกตั้งใจมากขึ้น เหมือนสมัยที่ยังเล่นดนตรีกลางคืนในวัยหนุ่ม แต่ด้วยระยะเวลาการทำงานเพลงหลาย
ทศวรรษที่ผ่านมากับความรับผิดชอบควบคุมดูแลการผลิตเสียส่วนใหญ่ ขอบเขตของงานที่กินวงกว้าง ทำให้ร้างราจาก
เล่นกีตาร์อย่างเอาจริงเอาจังไปเนิ่นนาน การเริ่มต้นฟอร์มวงดนตรีชื่อ”นั่งเล่น”ระหว่างเขาและเพื่อนๆที่สนิทสนมกันมาช้านาน
เริ่มต้นจากนำเอาเพลงสากลมาเรียบเรียงแล้วร้องใหม่ หลังจากเบื่อหน่าย คุณตุ่นกับเพื่อนๆเปลี่ยนบรรยากาศการเล่นดนตรี
อีกครั้ง ทำในสิ่งที่บ้าบิ่นโดยการขนเครื่องดนตรีใส่รถ มุ่งหน้าสู่หัวหิน ตระเวนตามบาร์เบียร์ ขอเล่นดนตรี ตอบสนองความสุข
ซึ่งผู้คนที่เขาพบเจอไม่มีใครรู้จักว่าเขาคือหนึ่งในนักดนตรีมืออาชีพที่มีผลงานเพลงบันทึกเสียงที่ได้รับความนิยมนับไม่ถ้วน
นอกจากหัวหินแล้ว ยังมีอีกหลายจังหวัดที่พวกเขาขับรถไปเล่นดนตรีด้วยรูปแบบเดียวกัน เชียงใหม่เป็นอีกเมืองที่พวกเขา
ไปปลดปล่อยความสุขผ่านเสียงดนตรี และเป็นที่ที่คุณตุ่นพบกับเด็กหนุ่มมากความสามารถชื่อ”บอย-Imagine”โดยบังเอิญ
ทั้งคู่พบกันเพราะบอยมาเล่นเป็นวงเปิดให้”นั่งเล่น” เพลงที่บอยนำไปโชว์นั้นสะดุดหูคุณตุ่นจนเอ่ยปากชักชวนให้ร่วมงานกัน
ต่อมาวงนั่งเล่นและบอย-Imagineจึงทำงานร่วมกัน โดยมีเพื่อนนักธุรกิจของคุณตุ่นสนับสนุนทุนในการผลิต จนกระทั่งเพลง
”แค่ไหนแค่นั้น”เคยขึ้นถึงอันดับที่ 1ของชาร์ตCat Radio คอนเสิร์ต”รักนิรันดร์” บอยซึ่งนั่งอยู่ขวามือท่านผู้ชม โชว์เพลง
ดังกล่าวเพลงเดียว เพลงที่คุณตุ่นเรียกว่าเพลงพระสวด

 

สนุกกับการตระเวนแสดงสดจบ วง”นั่งเล่น”จับปากกาแต่งเพลงของตัวเองขึ้นมา แต่จะไม่เน้นเฉพาะเพลงรักเหมือนในยุค
ก่อนหน้าที่ต้องทำงานตามโจทย์ที่ได้รับจากต้นสังกัด ไอเดียการแต่งเพลงของวง”นั่งเล่น”มีจุดประสงค์เพื่อจรรโลงศิลปะ
แต่งเพลงในเนื้อหาสาระที่อยากจะสื่อสารออกสู่สาธารณชน โดยมีคุณเป๋า-กมลศักดิ์ สุนทานนท์ เป็นผู้แต่งเพลงหลักของวง
(ถ้าคุณพลิกหน้าปกอัลบั้มหลายๆชุดของศิลปินแกรมมี่ จะปรากฏชื่อผู้ชายคนนี้แต่งเพลงไว้มากมาย เพลงที่ดัง เช่น
ใช่เลย/ไท ธนาวุธ) และในวันคอนเสิร์ต นอกจากเพลง”สายลม”ที่อัดแน่นด้วยภาคดนตรีที่รื่นรมย์สมราคามืออาชีพแล้ว
เพลง”ดอกไม้ในที่ลับตา”ยังทำให้เราทราบถึงที่มาที่ไปของแรงบันดาลใจในการเขียนขึ้นมา เพื่อมอบแด่บรรดาหน่วย
อาสากู้ภัยที่ออกช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนโดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อเสียงเรียงนามให้เราทราบในช่วงที่
ประเทศไทยเกิดวิกฤติน้ำท่วม คุณเป๋าเปรียบเปรยอาสากู้ภัยเหล่านั้นเป็นเสมือน”ดอกไม้ในที่ลับตา”

 

อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นบทความว่าคอนเสิร์ตนี้ คุณตุ่น-พนเทพ สุวรรณบุณย์ เป็นผู้ร้อยเรียงเรื่องราวทุกเพลงที่นำมาโชว์
คิวถัดจากวง”นั่งเล่น”เขาเล่าย้อนไปยังช่วงเวลาที่ยังทำงานที่การบินไทยควบคู่กับงานเพลง ในที่ทำงานของการบินไทย
เขาสังเกตเห็นน้องคนหนึ่งชอบเขียนกลอน ขีดเขียนเรื่องราวต่างๆได้สละสลวย วันหนึ่งเขานำทำนองเพลงที่เตรียมไว้จดใส่
กระดาษ จากนั้นเดินเข้าไปหาน้องผู้ชายคนนั้นให้ช่วยถ่ายทอดเรื่องราวที่จินตนาการได้หลังจากฟังทำนองเพลงที่อัดใส่เทป
ให้กลับบ้านไปฟัง สิ่งที่คุณตุ่นได้กลับมาเกินกว่าที่คาดไว้ น้องผู้ชายคนนั้นที่ชื่อ”ธนา ชัยวรภัทร์”แต่งออกมาเป็นเนื้อเพลง
เสร็จสรรพ  เพลงนั้นคือ”เพียงแค่ใจเรารักกัน”จากอัลบั้มชื่อเดียวกับเพลงเมื่อปี 2529 โดย”วิยะดา โกมารกุล ณ นคร”

 

จากนั้นคุณธนายังได้แต่ไว้อีกหลายเพลงให้แก่ศิลปินแกรมมี่ในยุคนั้นอีกด้วย “เพียงแค่ใจเรารักกัน”ในคอนเสิร์ต”รักนิรันดร์”
เริ่มจากคุณตุ่นร้องและเล่นกีตาร์นำไปก่อน จากนั้น”โรส-ศิรินทิพย์”จึงค่อยๆปรากฏกายออกมาถ่ายทอดเพลงโรแมนติกจนจบ
แล้วต่อด้วย”กีรติ”เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง”ข้างหลังภาพ”ฉบับที่”คาร่า พลสิทธิ์ แสดงนำคู่กับ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา”
เพลงสุดท้ายของโรส-ศิรินทิพย์ เป็นเพลงที่แต่แรกคณะผู้จัดงานตั้งใจจะใช้เป็นเพลงธีมของคอนเสิร์ตครั้งนี้ คือ พี่ชายที่แสนดี
เพลงที่เกือบจะไม่ได้ออกวางขายเมื่อ20กว่าปีที่แล้ว ถ้าค่ายครีเอเทียดื้อหัวชนฝาปัดทิ้งจากอัลบั้ม”รุ้งอ้วน”ของรวิวรรณ จินดา

 

Ponthep_004

 

 

เซอร์ไพร์สครั้งใหญ่ที่แม้แต่เจ้าของคอนเสิร์ตอย่างคุณตุ่นเองยังถึงกับอึ้งตะลึงงึงงัน ถึงกับไปไม่เป็น เล่นกีตาร์ไม่ออก
หลังจากที่เพลง”พี่ชายที่แสนดี”โรสร้องไปถึงท่อนฮุค ทันใดนั้นเสียงร้องไลน์ประสานจากศิลปินต้นฉบับก็ลอยมาทาง
ด้านข้างเวที คุณอุ้ย-รวิวรรณ จิดา เดินออกมายืนอยู่ตรงหน้าผู้ชม ร้องเพลง”พี่ชายที่แสนดี”ต่อจากโรสจนกระทั่งเพลงจบลง
วงดนตรี”ต้นเสียง”ยังบรรเลงต่อเนื่องอินโทรเพลง”เพียงแค่ใจเรารักกัน” วิยะดา โกมารกุล ณ นคร ปรากฎกายจากข้างเวที
ด้านซ้ายมือของผู้ชม ร้องเพลงเก่งเพลงนั้นที่แจ้งเกิดเธอจากอัลบั้มชุดแรกเมื่อปี 2529 เซอร์ไพร์สสุดท้ายจากอีกหนึ่งศิลปิน
สาวที่คุณตุ่นเคยอยู่เบื้อหลังความสำเร็จตั้งแต่ยุคที่ออกอัลบั้มชรัสและมาลีวัลย์ สังกัดไนท์สปอต มาลีวัลย์ เจมีน่ามากับ
เพลงเศร้าโศก ”สงสารกันหน่อย” ก่อนจะปิดท้ายด้วยร้องคู่กับชรัส ที่ออกมาจากหลังเวทีอีกครั้งเพื่อขับขานเพลง”เพราะมีเธอ”
ร่วมกับมาลีวัลย์ ฉากประทับใจรวมมิตรศิษย์เก่าพนเทพคืนนั้น ทุกคนตั้งใจเดินทางมาเพื่อคอนเสิร์ตของพี่ชายที่แสนดีของ
พวกเธอโดยเฉพาะ แม้ภารกิจจะรัดตัวเพียงใดก็ตาม

 

คราวนี้ก็มาถึง”พี่ชายที่แสนดี”ของคุณตุ่นกันบ้าง บนเวทีทั้งหมดก่อนหน้านั้นคุณตุ่นเป็นพี่ชายของทุกคน แต่หนนี้เขาได้
ทำหน้าที่ฐานะน้องชายบ้าง พี่ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา มหาเกสต์ที่มาพร้อมกับมุขขำขันเรียกรอยยิ้มเสียงหัวเราะฮาครืน
แก่ผู้ชมในวันนั้น ร้องเพลง”ป่านฉะนี้” และเพลงธีมของคอนเสิร์ตคือ”รักนิรันดร์”เป็นการเริ่มต้น ก่อนที่ศิลปินทั้งหมดที่
โชว์ไปแล้วก่อนหน้านั้นจะออกมาหน้าเวทีอีกครั้ง ร้องร่วมกันเป็นการส่งท้ายความประทับใจตลอดระยะเวลาเกือบ4ชั่วโมง

 

ปล.:  (ปูนนี้แล้ว) พี่ตุ่นครับ เมื่อไหร่จะมีคอนเสิร์ต Ponthep’s SongBook Episode 2 ออกมาให้ได้ชมอีกครับ เพลงที่
พี่แต่งไว้มีมากมาย อย่างน้อยเพลงนึงละที่ผมผิดหวังและไม่ได้ฟังในหนนี้คือ “คนเดียวจริงๆ”ที่พี่เคยทำไว้ในอัลบั้ม
”Inspire”ของโหน่ง-พิมลักษณ์ กมลเพ็ชร

 

ขอขอบคุณภาพถ่ายจาก :

1.Cooking Papa
2.Lookwa Pijika
3.Photo By Tuk