ถึงแม้เหล่าประชาบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์และสารสนเทศเฮโลกันพัฒนา
รถยนต์และระบบขับขี่อัตโนมัติเพราะเชื่อมั่นว่าระบบเหล่านีจะช่วยรักษาชีวิตมวลมนุษยชาติ
จากอุบัติภัยบนท้องถนน แต่อย่างว่าเทคโนโลยีใหม่ ๆ ต้องย่อมมาพร้อมกับข้อสงสัย เพราะ
คนทั่วไปมักจะมองแต่อุปสรรคมากกว่าจะมองโอกาส
ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งมิชิแกน หน่วยสำรวจข้อมูลคมนาคมแห่งความยั่งยืน
ระดับโลกได้สำรวจหัวข้อเกี่ยวกับรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติในปี 2016 ในกลุ่มผู้ขับขี่รถยนต์
ที่ถือครองบัตรอนุญาตขับขี่รถยนต์ 618 รายของสหรัฐอเมริกาพบว่าผู้ขับขี่ 4 ใน 5 ขอ
ไม่เสี่ยงภัยกับรถขับขี่อัตโนมัติเด็ดขาด
ผู้ขับขี่ 46% ขอขับขี่รถที่มนุษย์สามารถควบคุมมันได้มากกว่าที่จะนั่งหรือขับขี่รถยนต์ขับขี่
อัตโนมัติเต็มรูปแบบหรือกึ่งอัตโนมัติ ส่วนผู้ขับขี่ 39% มั่นใจที่จะนั่งในรถขับขี่กึ่งอัตโนมัติ
และอีก 16% มั่นใจนั่งในรถขับขี่อัตโนมัติสมบูรณ์แบบ
น่าแปลกที่ผู้ขับขี่วัยรุ่นวัย 18-29 ปีกล้าลองของอยากลองนั่งรถขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบคิดเป็นสัด
ส่วน 19% ของกลุ่มสำรวจในวัยนี้
ส่วนผู้ขับวัย 30-44 ปีส่วนใหญ่อยากลองขับรถขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบคิดสัดส่วนประมาณ
29% ส่วนอีก 43% ของผู้คนวัย 30-44 ปีขอเลือกที่จะนั่งในรถขับขี่กึ่งอัตโนมัติ อีก 35% เซย์โน
ใครที่คิดว่ารถยนต์ขับขี่อัตโนมัติจะเกิดยากเพราะผลการวิจัยเหล่านี้ ขอบอกเลยว่าคิดผิด
เพราะข้อมูลวิจัยเมื่อ 2 ปีที่แล้วเคยสำรวจมาแล้วว่ามีผู้มั่นใจกับระบบขับขี่อัตโนมัติ
สมบูรณ์แบบเพียงแค่ 9.7% ของกลุ่มสำรวจทั้งหมด!! ขณะกลุ่มสำรวจ 37% มีความ
กังวลมาก, อีก 29% มีความกังวลปานกลางและอีก 24% มีความกังวลเล็กน้อย
แต่สำหรับรถยนต์ขับขี่กึ่งอัตโนมัติหรืออัตโนมัติแค่บางส่วนกลับมีคนกังวลมากเพียงแค่
17%, กังวลปานกลาง 34%, กังวลเล็กน้อย 33% และไม่กังวลเลย 17%
ผลการศึกษาที่น่าสนใจคือผู้ขับขี่ 95% ต้องการนั่งในรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบที่
มีพวงมาลัยและแป้นเบรคติดตั้งอยู่เผื่อฉุกเฉิน
เมื่อวิเคราะห์จากผลสำรวจคือหลายคนน่าจะยินดีต้อนรับรถขับขี่อัตโนมัติ แต่ในใจลึก ๆ
ก็ยังอยากที่จะรักษาระบบการขับขี่ดั้งเดิมเอาไว้
ที่มา : Automotive News