หลังจากที่ John Arnone ฝ่ายสื่อสารการตลาดและโฆษกของมิตซูบิชิ ถ่ายภาพคู่กับ
ด้านท้ายของ Mitsubishi Attrage Minorchange หรือในบางตลาดอาจใช้ชื่อว่า
Mirage G4 Sedan เป็น Teaser ที่เผยให้เห็นด้านท้ายทั้งกันชนใหม่ และ ไฟท้ายใหม่
ให้คนที่ติดตามรอลุ้นดีไซน์ด้านหน้ากัน เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ในที่สุด Mitsubishi Motors North America ก็ได้เปิดตัว Mirage G4 Sedan
หรือในบ้านเราก็คือ Attrage นั่นเอง เป็นไปตามคาดจากข่าวลือก่อนหน้านี้ว่า
Attrage นั้นจะไม่ได้มีการเปลี่ยนหน้าตาไปเหมือน Mirage Minorchange
ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ (ภาพด้านล่าง) จะยังคงใช้หน้าเดิมไปจนกว่าจะหมดอายุตลาด
Attrage Minorchange มีการเปลี่ยนแปลงหลักๆอยู่ทางด้านท้าย มากับไฟท้ายใหม่
ที่ลวดลายภายในโคมดูมีมิติยิ่งกว่าเดิม พร้อมทั้งเส้นสายของกันชนหลังที่ดูมีสันเหลี่ยมคม
มากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบัน ดีไซน์กันชนท้ายออกแบบให้คล้ายกับมีชุดสเกิร์ตในตัว
นอกเหนือจากนั้นก็ยังคงเหมือนรุ่นเดิมทั้งหมด
ภายในห้องโดยสารมีการปรับให้เหมือน Mirage Minorchange มีการใช้พวงมาลัย
ทรงเดิมแต่มีการตกแต่งด้วยวัสดุ สีดำ Piano Black เข้ามาเสริมในวง เครื่องเสียงหน้าจอ
ระบบสัมผัส Touchscreen รองรับ Apple CarPlay™ และ Android Auto™ อีกทั้ง
กระจกมองหลังเป็นแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
เครื่องยนต์ยังคงเป็นบล๊อกเดิม 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร รหัส 3A92 บล็อก 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว
ขนาด 1,193 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 75.0 X 90.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1
จ่ายเชื้อเพลิง ด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ ECI-Multi (Electronically Controlled Multi-Point
Fuel injection) ควบคุมด้วยสมองกลคอมพิวเตอร์ 32 Bit พร้อมระบบแปรผันวาล์ว
ที่หัวแคมชาฟต์ฝั่งวาล์วไอดี MIVEC (Mitsubishi Innovative Valve timing Electronic
Control system) กำลังสูงสุด 78 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร
(10.2 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบ/นาที
สำหรับประเทศไทยนั้น พึ่งจะปรับ Model Year 2016 ไปเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา เพิ่มระบบ
ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ)
(FCM-LS : Forward Collision Mitigation System-Low Speed Range) และระบบ
ตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า)
(RMS-FORWARD : Radar Sensing Misacceleration Mitigation System-Forward)
แต่จะได้ด้านท้ายใหม่ เหมือนอย่างสหรัฐอเมริกาเมื่อไหร่นั้น คงต้องรอติดตามกันครับ
ที่มา : netcarshow