ถึงแม้ว่าแบรนด์ MINI จัดเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีภาพลักษณ์แข็งแกร่งด้วยการพัฒนารถยนต์ที่อ้างอิงความเป็นรถยนต์คลาสสิค แต่มีสมรรถนะการขับขี่ดุจรถโกคาร์ท ภายใต้งานวิศวกรรมและติดตั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยตลอดเวลา แต่สำหรับในตลาดสหรัฐอเมริกา กลับมียอดขายและส่วนแบ่งการตลาดที่ไม่ดีเท่าไรนัก เนื่องจากลูกค้าชาวอเมริกันไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องซื้อรถพรีเมี่ยมขนาดเล็กในสไตลนี้

ยอดขายรถยนต์ MINI ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2017 มียอดขายลดลงถึง 10% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2016 นั่นเป็นเพราะว่าผู้คนตอบรับรถยนต์ขนาดเล็กน้อยลง และหันไปหาซื้อรถยนต์อเนกประสงค์มากขึ้น

Peter Schwarzenbauer คณะกรรมการผู้บริหาร MINI กล่าวว่า ในสหรัฐอเมริกาถือเป็นประเทศเดียวที่มีปัญหาที่สุด นั่นจึงทำให้ทีมผู้บริหารต้องหาวิธีคิดพลิกแพลงเพื่อกอบกู้สถานการณ์โดยเฉพาะ

เขากล่าวว่าทิศทางเดียวที่จะสร้างตัวตนแบรนด์ MINI ให้แข็งแกร่งในสหรัฐอเมริกา ก็คือการวางภาพให้เป็นยานพาหนะที่ติดตั้งขุมพลังไฟฟ้าสำหรับคนเมือง โดยไม่จำเป็นต้องตามกระแสพัฒนา SUV ขนาดใหญ่ (ถึงปัจจุบันจะมี MINI Countryman รุ่นใหม่วางจำหน่ายแล้วแต่ก็ยังมียอดขายที่น้อยมากอยู่ดี)

ขณะนี้ BMW บริษัทแม่ MINI เริ่มดำเนินกลยุทธ์หาพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อร่วมกันพัฒนาและผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยหวังไว้ว่าจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตลงได้ แต่กรณีของ MINI จะยากกว่าฝั่ง BMW เพราะต้องหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าให้มีแบตเตอรี่รองรับระยะทางวิ่งสูงสุดในระดับที่ลูกค้าพึงพอใจภายใต้ขนาดตัวถังที่มีขนาดเล็ก ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยาก

รถยนต์ไฟฟ้า EV จาก MINI คันแรกจะส่งตรงสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาภายในปี 2019 และนั่นเป็นที่จับตามองว่ารถยนต์ MINI รุ่นอื่น ๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตจะติดตั้งขุมพลังไฟฟ้า EV ให้ครบทุกรุ่นเพื่อรองรับกลยุทธ์ดังกล่าวหรือไม่?

ที่มา : Reuters