เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ นี่ก็ครบรอบ 1 ปีของการเปิดตัว MG6 แล้วซึ่งถ้าให้พูดกันตามตรงเลยคือ เราและอีกหลายคนยังเห็น
MG6 วิ่งถนนน้อยเอามาก ๆ หรือบางคนก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีรถยนต์ยี่ห้อ MG ขายอยู่ด้วย
สาเหตุที่เราและหลายคนวิเคราะห์กันว่าทำไม MG6 ไม่ประสบความสำเร็จ อย่างแรกคือสภาวะตลาดรถยนต์ที่ติดลบ
อย่างรุนแรง, ข้อที่ 2 ราคายังแพงเกินไปสำหรับแบรนด์น้องใหม่อย่าง MG และที่สำคัญ MG6 เป็นรถยนต์ที่เข้าศึก
“น่านน้ำสีแดง” เพราะรถยนต์ C-Segment ที่ขายทุกวันนี้ก็แทบตบกันตายเพื่อจะเอายอดขายกันทั้งนั้น
ดังนั้น SAIC-CP จึงรีบแก้เกมให้ MG6 สามารถเดินหน้าต่อไปได้ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
วันที่ 22 กรกฎาคม 2015 SAIC Motor-CP และ MG Sales ประเทศไทยได้เปิดตัว MG6 Minorchange ที่มาแก้เกม
ด้วยการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตรเทอร์โบทุกรุ่นและอัดเทคโนโลยีใหม่สารพัดเพื่อคุณค่าให้แก่ MG6
2015 MG6 Minorchange พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิดบริท ไดนามิค (Brit Dynamic) โดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบ
สมรรถนะ การบังคับควบคุม และความปลอดภัยเช่นเคย นอกจากนี้ NEW MG6 ติดตั้ง “inkaNet” นวัตกรรม
ระบบสื่อสารระหว่างคนกับรถที่ทำงานบนเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย ช่วยเพิ่มความปลอดภัย สะดวกและมั่นใจทุกการขับขี่
นอกจากดีไซน์ MG6 Minorchange ที่ดูสวยงามสปอร์ตขึ้นกว่ารุ่นเดิมแล้ว MG ก็อัพฟีเจอร์สารพัดเริ่มจาก ไฟหน้าแบบ
Bi-Xenon HID ทันสมัยและให้ความสว่างที่มากกว่า พร้อมระบบไฟส่องสว่างด้านข้างขณะเลี้ยว (Cornering Lights)
ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto-Leveling Headlights) และระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า (Headlight
Washer) เพิ่มความโดดเด่นและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
(Daytime Running Light)
งานนี้ MG6 Minorchange ทุ่มทุนติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร เทอร์โบชาร์จทุกรุ่นย่อย ให้พละกำลังสูงสุดถึง 161
แรงม้า (118 กิโลวัตต์) ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 215 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที รองรับน้ำมัน
แก๊สโซฮอล์ E85 พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด DCT (Dual Clutch Transmission) ที่ปรับเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็ว
นุ่มนวลในทุกการขับขี่เพราะมีการปรับเปลี่ยนสมองกลเกียร์แล้ว
ระบบความปลอดภัยก็มาเต็มถึง 5 ฟังก์ชัน ได้แก่ ระบบ Auto Hold เพิ่มความสะดวกในการขับขี่ขณะจราจรคับคั่ง และ
ป้องกันรถไหลเมื่อต้องขึ้นทางลาดชัน ระบบแจ้งเตือนทิศทางของพวงมาลัยหลังสตาร์ทเครื่องยนต์ (Steering Wheel
Reminder) ระบบควบคุมแรงบิดของล้อในขณะเข้าโค้ง DWTC (Dynamic Wheel Torque Control) ที่เพิ่มความ
มั่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อต้องหักหมุนพวงมาลัยเพิ่มขึ้นในขณะเข้าโค้ง ไฟส่องสวางด้านข้างขณะเลี้ยว (Cornering Lights)
และระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ (Auto-Leveling Headlights) มั่นใจสูงสุดด้วยโครงสร้างพิเศษ พร้อมคาน
เหล็กนิรภัยที่ช่วยรับแรงกระแทกจากด้านข้าง และถุงลมนิรภัย 6 จุด
หากใครยังมิทราบว่าเทคโนโลยี inkaNet คืออะไร จงอ่านย่อหน้าด้านล่างต่อไปนี้
“inkaNet” ระบบการสื่อสารอัจฉริยะระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์เอ็มจี ระบบแรกในตลาดที่ทำงานบน
เครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย “inkaNet” ประกอบด้วย 5 ฟังก์ชั่นหลัก ได้แก่ ฟังก์ชั่นตรวจสอบสถานการณ์
ทำงาน ของรถยนต์เอ็มจี ช่วยให้ทราบข้อมูล เช่น ระยะทางที่รถวิ่ง ระดับน้ำมัน ระดับไฟในแบตเตอรี่ ได้
แบบเรียลไทม์ ฟังก์ชั่นควบคุมการทำงานของรถจากระยะไกล แก้ปัญหาการลืมล็อคประตู ฟังก์ชั่น
วิเคราะห์การทำงาน แจ้งสถานะปัจจุบันของรถยนต์ ฟังก์ชั่นแจ้งเตือนความผิดปกติ เมื่อมีการเคลื่อน
รถยนต์อย่างผิดปกติ และฟังก์ชั่นติดตามรถยนต์แบบเรียลไทม์ ที่สามารถบอกตำแหน่งรถ พร้อม
แนะนำเส้นทางที่มีการจราจรสะดวกที่สุด พิเศษสำหรับลูกค้า NEW MG6 จะได้รับสิทธิพิเศษสามารถ
เชื่อมต่อระบบ inkaNet ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือฟรีนาน 5 ปี
MG6 Minorchange มีให้เลือก 5 สีได้แก่ ขาว Arctic White ดำ แดง เงิน และเทา และสำหรับในรุ่น ฟาสต์
แบ็ค ยังมีสีพิเศษ ตัวถังขาว (Arctic White) หลังคาดำ
ราคา MG6 Minorchange มีการปรับลดราคาในบางรุ่นดังต่อไปนี้
ฟาสต์แบ็ค (Fastback) | ซีดาน (Sedan) | |
1.8 C | 828,000 บาท | 818,000 บาท |
1.8 D | 908,000 บาท | 898,000 บาท |
1.8 D Sunroof | 938,000 บาท | 928,000 บาท |
1.8 X | 1,008,000 บาท | 998,000 บาท |
1.8 X Sunroof | 1,038,000 บาท | 1,028,000 บาท |
และเพื่อความสบายใจของลูกค้า MG6 Minorhange จะรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร (แล้วแต่
อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
ทุกคนสามารถสัมผัส MG6 ที่โชว์รูมได้ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป