เราเคยได้ยินมาก่อนหน้านั้นนานแล้วว่า MG คิดจะเปิดตัว MG5 หลังจากเปิดตัว MG6 และ MG3 ซึ่ง ณ ขณะนั้นยังไม่
ชัดเจนว่า MG5 จะวางตลาดในกลุ่มใดเพราะ MG3 มันเป็นรถที่วางในกลุ่มซับคอมแพคท์แฮทช์แบค แล้วมันจะวางราคา
กันอย่างไร? จนสุดท้าย MG3 ก็ตั้งราคาในช่วงระดับเดียวกับรถอีโคคาร์ทั้งหลาย จนทำให้เกิดช่องว่างราคาระหว่าง MG3
และ MG6 อย่างชัดเจนขึ้น
และนั่นก็คือคำตอบของ MG5 นั่นเอง
MG5 ที่เปิดตัวในไทยวันนี้ (19 พฤศจิกายน 2015) เป็นรถที่ฉีกแนวไปจากรถตลาดทั่วไปเพราะ บริษัท เอสเอไอซี
มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ลงทุนขึ้นสายการผลิต MG5 GT ตัวถังซีดานคูเป้แทนที่จะ
นำตัวถังปกติมาประกอบ ถ้ามองในแง่ดีของการตลาดก็ถือว่าพวกเขามองเกมทะลุกว่าที่เคยเป็น
MG5 ถูกวางตำแหน่งการตลาดลงในกลุ่มซับคอมแพคท์ ทั้งที่ขนาดตัวถังใหญ่กว่ารถ C-Segment ที่มีจำหน่ายในไทย
หลายรุ่น!!!
นั่นก็ทำให้ MG5 สามารถชูจุดขายขนาดห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่า B-Segment ทั่วไป พร้อมเทคโนโลยีความ
ปลอดภัยเทียบเท่ากับรถหรูขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีการสื่อสาร inkaNet
จุดเด่นของการออกแบบตัวถังภายนอกของ MG5 คือ ตัวถังซีดานสไตล์คูเป้, กระโปรงหน้าแบบ V-Shape ไฟหน้าแบบ
โปรเจ็คเตอร์ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย พร้อมไฟ Daytime Running Lights (DRL) สะกดทุกสายตา ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อม
หลังคาซันรูฟที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ภายในห้องโดยสารจัดเต็มด้วย เบาะหนัง พร้อมลิ้นชักเก็บของใต้เบาะด้านข้างคนขับ, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น สะดวก
ยิ่งขึ้นด้วยระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง แสดงภาพจากกล้องมองหลัง เชื่อมต่อ
โทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ
MG5 มีเครื่องยนต์เบนซินให้เลือก 2 บุคลิก ทั้งแบบเครื่องยนต์ TURBO 1.5 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 129 แรงม้า ที่
5,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,400 รอบต่อนาทีเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
เครื่องยนต์แบบ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 106 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตรที่ 4,500
รอบต่อนาที ทั้ง 2 เครื่องยนต์รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะพร้อมโหมด Sport และ Manual
MG5 อัดแน่นของระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบ 9 Integrated Active Safety Systems ที่เหนือกว่ารถซับคอม
แพ็คคาร์ รุ่นอื่นๆ ทั้งระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS – Hill Start Assist System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
และควบคุมการลื่นไถล (TCS – Traction Control System) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน (ABS – Anti-lock
Braking System) พร้อมระบบช่วยกระจายแรงเบรก (EBD – Electronic Brake Force Distribution) ระบบป้องกัน
การลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR – Motor control Slide Retainer) ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง
(CBC – Curve Brake Control) และ ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (ITPMS – Indirect Tire Pressure
Monitor System) นอกจากนี้ ยังเพิ่มความมั่นใจกับระบบเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBA – Electronic Brake
Assist) และ ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS – Stability Control System) อีกด้วย
NEW MG5 จะเป็นรถยนต์รุ่นที่สองของ MG ที่ติดตั้งระบบ inkaNet เทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะระหว่างผู้ขับขี่และ
รถยนต์ เอ็มจี ที่ทำงานบนเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย inkaNet ประกอบด้วย 7 ฟังก์ชั่นหลัก ได้แก่ ฟังก์ชั่นแจ้งเตือนความ
ผิดปกติ เมื่อมีการเคลื่อนหรือสตาร์ทรถยนต์ ฟังก์ชั่นระบบนำทาง ผ่านทาง Google Map และช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตาม
ตำแหน่งของรถ และข้อมูลสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ ฟังก์ชั่นระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยกำหนดขอบเขตรัศมี
การขับรถยนต์ ฟังก์ชั่นแสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในการขับรถ เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยทั้งแบบรายสัปดาห์และแบบราย
เดือน ฟังก์ชั่นระบบเลขาฯ ส่วนตัว ให้คุณติดต่อ MG CALL CENTRE เพียงปลายนิ้วสัมผัส และฟังก์ชั่นวางแผนการ
เดินทาง พิเศษสำหรับลูกค้า NEW MG5 จะได้รับสิทธิพิเศษสามารถเชื่อมต่อระบบ inkaNet ผ่านเครือข่าย
โทรศัพท์มือถือฟรีนาน 5 ปี
ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ NEW MG5 ยังจะได้รับความอุ่นใจกับการรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร
(แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งครบระยะก่อน) บริการเช็คระยะนอกสถานที่ (Mobility Services) เมื่อมีการโทรแจ้งนัดหมาย
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง และบริการศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (MG Call Centre)
ตลอด 24 ชั่วโมง
ราคาจำหน่าย MG5
1.5 D 629,000 บาท
1.5 X 679,000 บาท
1.5 Turbo D 699,000 บาท
1.5 Turbo X 739,000 บาท
หมายเหตุ : ราคาจะปรับขึ้น 20,000 บาทภายในปี 2016
หากใครสนใจสามารถแวะชมและทดลองขับ MG5 ได้ที่โชว์รูมทันทีหรือไปพบกันที่งาน Motor Expo 2015 ระหว่างวันที่
2-13 ธันวาคมนี้ ที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็คเมืองทองธานี