ในประเทศไทย MG 3 เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อเดือน มีนาคม 2015 ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการกระตุ้นตลาด เพิ่มความสดใหม่กันเสียบ้าง กับ MG 3 Minorchange เพราะที่ประเทศจีนเองก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการกันไปแล้ว เมื่อ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา คุณ Pratch Panyo ถ่ายภาพรถทดสอบพรางตัวเอาไว้ได้ที่ ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ คาดว่าจะเป็นการทดสอบระบบส่งกำลังใหม่ ในช่วงขึ้น-ลงทางชัน
(ภาพ Spyshot MG 3 Minorchange โดยคุณ Pratch Panyo ที่ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่)
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือการปรับรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมแบบรังผึ้ง ล้อมกรอบด้วยโครเมี่ยม กระจังหน้านี้จะเป็น Design Language ของแบรนด์ MG รุ่นใหม่ๆ ช่องดักลม มีเหลี่ยมสันมากขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้น และไฟหน้าใหม่ พร้อม LED Daytime Running Lights
ในส่วนของด้านท้าย ดีไซน์อาจคล้ายกับ MG 3 เดิมพอสมควร แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า ทุกชิ้นส่วนถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ไฟท้ายใหม่ ฝาท้ายที่มีการย้ายตำแหน่งที่เปิดไปให้แนบเนียนกว่าเดิม และ เปลือกกันชนท้ายทรงใหม่ แม้แต่กระจกหลังก็ถูกเปลี่ยนเช่นกัน
Exterior ภายนอก (เวอร์ชั่นจีน)
- ไฟหน้า Projector Lens แบบฮาโลเจน
- สวิตซ์ปรับระดับไฟหน้า สูง – ต่ำ
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
- ระบบเบรก คู่หน้า ดิสก์เบรก / คู่หลัง ดรัมเบรก
- ล้ออัลลอย ขนาด 14 – 16 นิ้ว (แล้วแต่รุ่น)
- ยาง ขนาด 185/70 R14 – 195/55 R16 (แล้วแต่รุ่น)
- กระจกมองข้าง พร้อมระบบไล่ฝ้า
- หลังคา Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ภายในห้องโดยสาร แทบไม่มีสิ่งใดที่หลงเหลือจาก MG 3 รุ่นปัจจุบันเลย เกือบทุกชิ้นส่วนแดชบอร์ดถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด
พวงมาลัยถูกเปลี่ยนเป็นทรงสปอร์ตท้ายตัดที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ช่องแอร์กลางเป็นไปใช้แบบแนวตั้ง มีการนำลายคาร์บอนไฟเบอร์ มาตกแต่งตามขอบต่างๆ ร่วมกับลายกราฟฟิก Plaid สีเทาโดดเด่น และ SAIC ยังตั้งใจพัฒนาวัสดุภายในให้มีคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย แทรกกลางด้วย หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth และ มีช่องเสียบ USB มาให้ มาพร้อมระบบ inkaNet ที่เชื่อมต่อรถ MG เข้ากับ Application บน Smartphone (สำหรับในไทย ยังไม่แน่ชัดว่าจะถูกปรับให้เป็น i-Smart เหมือนอย่าง MG ZS หรือไม่)
Interior ภายในห้องโดยสาร (เวอร์ชั่นจีน)
- ภายในห้องโดยสาร โทนสีดำ
- วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร ลายกราฟฟิก Plaid และ ลายคาร์บอนไฟเบอร์
- เบาะนั่งหุ้มด้วยผ้า / หุ้มด้วยหนัง
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง
- พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง ทรงสปอร์ตท้ายตัด
- สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
- ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา
- หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว
- ระบบนำทาง Navigation System
- ช่องเชื่อมต่อ USB
- ระบบ inkaNET
- ลำโพง 6 – 7 ตำแหน่ง
นอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอก และ ภายในห้องโดยสาร ที่เปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่เครื่องยนต์ และ ระบบส่งกำลังก็มีการปรับปรุงเช่นกัน
Engine เครื่องยนต์ (คาดว่าจะเป็นเวอร์ชั่นปรับปรุง เหมือนที่อยู่ใน MG ZS)
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว รหัส 15S4C ขนาด 1.5 ลิตร 1,498 cc. DOHC VTi-TECH หัวฉีด Multi point กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 75.0 x 84.8 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.5 : 1 กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที (เดิมพละกำลัง 106 แรงม้า 135 นิวตันเมตร)
คาดว่าจะมีการเปลี่ยนระบบส่งกำลังใหม่เหมือนเวอร์ชั่นจีน และ เหมือนกับ MG ZS จากเดิมที่ใช้เกียร์ Selematic AMT 5 จังหวะ จะถูกเปลี่ยนเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ พร้อม Manual Mode ขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุถังน้ำมัน 48 ลิตร รองรับน้ำมันสูงสุด E85
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก – ระบบความปลอดภัย Convenients & Safety (เวอร์ชั่นจีน)
- ระบบป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก EBA
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS
- ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง CBC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและลื่นไถล TCS
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติลมยาง TPMS
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
- กล้องมองภาพขณะถอยจอด
สำหรับในไทย คาดว่า MG 3 Minorchange จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในปี 2018 หากมีรายละเอียดเพิ่มเติม จะรายงานให้คุณผู้อ่านทราบกันอย่างต่อเนื่องครับ
รวบรวมข้อมูลทั้งหมด โดย www.headlightmag.com
ภาพ Spyshot MG 3 Minorchange โดยคุณ Pratch Panyo ที่ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/62752.0