ในประเทศไทย MG 3 เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อเดือน มีนาคม 2015 ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการกระตุ้นตลาด เพิ่มความสดใหม่กันเสียบ้าง กับ MG 3 Minorchange เพราะที่ประเทศจีนเองก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการกันไปแล้ว เมื่อ 25 สิงหาคม 2017 ที่ผ่านมา คราวนี้มาถึงประเทศไทยบ้าง เตรียมเปิดตัว 21 มิถุนายนนี้ รายละเอียดความเปลี่ยนแปลงจะมีอะไรบ้าง เลื่อนลงไปกันเลยครับ
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือการปรับรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมแบบรังผึ้ง ล้อมกรอบด้วยโครเมี่ยม กระจังหน้านี้จะเป็น Design Language ของแบรนด์ MG รุ่นใหม่ๆ ช่องดักลม มีเหลี่ยมสันมากขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้น และไฟหน้าใหม่ พร้อม LED Daytime Running Lights
ในส่วนของด้านท้าย ดีไซน์อาจคล้ายกับ MG 3 เดิมพอสมควร แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า ทุกชิ้นส่วนถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ไฟท้ายใหม่ ฝาท้ายที่มีการย้ายตำแหน่งที่เปิดไปให้แนบเนียนกว่าเดิม และ เปลือกกันชนท้ายทรงใหม่ แม้แต่กระจกหลังก็ถูกเปลี่ยนเช่นกัน
Exterior ภายนอก (เวอร์ชั่นจีน)
- ไฟหน้า Projector Lens แบบฮาโลเจน
- สวิตซ์ปรับระดับไฟหน้า สูง – ต่ำ
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED
- ระบบเบรก คู่หน้า ดิสก์เบรก / คู่หลัง ดรัมเบรก
- ล้ออัลลอย ขนาด 14 – 16 นิ้ว (แล้วแต่รุ่น)
- ยาง ขนาด 185/70 R14 – 195/55 R16 (แล้วแต่รุ่น)
- กระจกมองข้าง พร้อมระบบไล่ฝ้า
- หลังคา Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
สีตัวถังภายนอกของ MG 3 Minorchange เวอร์ชั่นไทย จะมีให้เลือก 5 สี
- สีแดง Ruby Red
- สีเหลือง Tudor Yellow
- สีน้ำเงิน Marina Blue
- สีขาว Arctic White
- สีดำ Black Knight
ส่วนหลังคา สามารถจับคู่สี – สติ๊กเกอร์ได้หลากหลาย เช่น สีดำ / สีขาว หรือ ลายธงชาติอังกฤษ Union Jack
ภายในห้องโดยสาร แทบไม่มีสิ่งใดที่หลงเหลือจาก MG 3 รุ่นปัจจุบันเลย เกือบทุกชิ้นส่วนแดชบอร์ดถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด
พวงมาลัยถูกเปลี่ยนเป็นทรงสปอร์ตท้ายตัดที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ช่องแอร์กลางเป็นไปใช้แบบแนวตั้ง มีการนำลายคาร์บอนไฟเบอร์ มาตกแต่งตามขอบต่างๆ ร่วมกับลายกราฟฟิก Plaid สีเทาโดดเด่น และ SAIC ยังตั้งใจพัฒนาวัสดุภายในให้มีคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย แทรกกลางด้วย หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth และ มีช่องเสียบ USB มาให้ และ มาพร้อมระบบ i-SMART เช่นเดียวกับ MG ZS
Interior ภายในห้องโดยสาร (เวอร์ชั่นจีน)
- ภายในห้องโดยสาร โทนสีดำ
- วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร ลายกราฟฟิก Plaid และ ลายคาร์บอนไฟเบอร์
- เบาะนั่งหุ้มด้วยผ้า / หุ้มด้วยหนัง
- เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง
- พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง ทรงสปอร์ตท้ายตัด
- สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
- ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา
- หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว
- ระบบนำทาง Navigation System
- ช่องเชื่อมต่อ USB
- ระบบ i-SMART
- ลำโพง 6 – 7 ตำแหน่ง
นอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอก และ ภายในห้องโดยสาร ที่เปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่เครื่องยนต์ และ ระบบส่งกำลังก็มีการปรับปรุงเช่นกัน
Engine เครื่องยนต์ (คาดว่าจะเป็นเวอร์ชั่นปรับปรุง เหมือนที่อยู่ใน MG ZS)
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว รหัส 15S4C ขนาด 1.5 ลิตร 1,498 cc. DOHC VTi-TECH หัวฉีด Multi point กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 75.0 x 84.8 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.5 : 1 กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที
(MG 3 ที่ขายในไทยปัจจุบัน พละกำลัง 106 แรงม้า 135 นิวตันเมตร)
คาดว่าจะมีการเปลี่ยนระบบส่งกำลังใหม่เหมือนเวอร์ชั่นจีน และ เหมือนกับ MG ZS จากเดิมที่ใช้เกียร์ Selematic AMT 5 จังหวะ จะถูกเปลี่ยนเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ พร้อม Manual Mode ขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุถังน้ำมัน 48 ลิตร รองรับน้ำมันสูงสุด E85
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก – ระบบความปลอดภัย Convenients & Safety (เวอร์ชั่นจีน)
- ระบบป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก EBA
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS
- ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง CBC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและลื่นไถล TCS
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติลมยาง TPMS
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
- กล้องมองภาพขณะถอยจอด
MG 3 Minorchange เตรียมเปิดตัวในไทย 21 มิถุนายน นี้ รายละเอียด – ข้อมูล – สเป็ค และ ระบบความปลอดภัยจะเป็นอย่างไร รวมถึงราคาจะเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด ติดตามรอชมกันได้เร็วๆนี้ หาก Headlightmag.com มีข้อมูลเพิ่มเติมจะรีบมารายงานให้ทราบครับ
MG 3 Minorchange เวอร์ชั่นไทยนั้น มาพร้อม Slogan ” WE ARE FUN “ พร้อมคำสื่อสารการตลาดว่า ” MG 3 ใหม่ ขับง่ายขึ้น พบกับความสนุกมากขึ้นกว่าเดิม “
เรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดโดย www.headlightmag.com
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/65554.0