Mercedes Benz G-Wagen หรือ Geländewagen W460 ซึ่งเปิดตัวในปี 1979 เป็นรถที่ถือกำเนิดมาเพื่อใช้งานในเชิงการทหารเป็นหลัก มีความสมบุกสมบันและทนทานต่อการใช้งานในทุกสภาพอากาศและสภาพถนน (หรือสภาพที่ไม่มีถนน)

แต่ในปี 1990 Daimler-Benz ได้พัฒนารถรุ่นนี้ให้กลายมาเป็นรุ่นรหัส “W463” มีการพัฒนาแซสซีส์ และ ระบบขับเคลื่อนให้ทันสมัยขึ้น ติดตั้งเทคโนโลยีต่างๆที่เทียบได้กับ S-Class ตกแต่งภายในให้มีความหรูหรา และมาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ขนาดใหญ่ สำหรับขับเคลื่อน นับตั้งแต่นั้นมา เหล่าดารา คนดัง คนมีชื่อเสียงในสังคม ก็จับจองเป็นเจ้าของ G-Wagen กันอย่างแพร่หลาย โดยที่รุ่น G63 และ G65 เคยนับได้ว่าเป็นสูงสุดของรุ่น แต่นั่นก็อาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับบรรดาเศรษฐีทั้งหลาย

Mercedes-AMG G63 Exclusive Edition

เมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมานี้ ทาง Mercedes-Benz ได้เปิดตัว Mercedes-AMG G63 และ Mercedes-AMG G65 Exclusive Edition ซึ่งนับได้ว่าเป็น G-Wagen รุ่นที่มีความหรูหรา และ พิเศษที่สุด นับตั้งแต่เคยเปิดตัวมา (แต่ยังไม่พิเศษเท่ารุ่นพิเศษอย่าง G63 AMG 6×6 หรือ G500 4×4^2) โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในงาน Frankfurt International Motor Show 2017 ที่กำลังจะถึงนี้

โดยภายนอกนั้น มีการใส่อุปกรณ์เสริมบางอย่างมาให้เป็นมาตรฐาน เช่น บันไดข้างซึ่งทำจากสแตนเลส ขอบคิ้วโครเมี่ยมข้างรถเป็นอลูมิเนียมรมดำ และยังมีรายละเอียดพิเศษเฉพาะรุ่น เช่น ลายด้านข้างรถเอกลักษณ์ของแบรนด์ AMG ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว 5 ก้านคู่ สวมด้วยยางขนาด 295/40 R21 โดยรุ่น G63 จะได้ล้อสีดำด้าน และรุ่น G65 จะได้ล้อสีเงินปัดเงา

นอกจากนี้ยังมียังมีทางเลือกเพิ่มเติม ล้อสีดำเงา ขอบสีเงิน เป็นตัวเลือกสำหรับทั้งสองรุ่น และลูกค้ายังสามารถเลือกสีเทาด้าน AMG Monza Gray Magno Matte เป็นสีพิเศษเฉพาะรุ่น G63 และ G65 Exclusive Edition อีกด้วย

Mercedes-AMG G65 Exclusive Edition

ในด้านของการตกแต่งภายในห้องโดยสารนั้น เป็นแบบ Designo ซึ่งหมายความว่า ลูกค้ามีทางเลือกต่างๆมากมายตามความชื่นชอบ แผงแดชบอร์ด และ เบาะนั่งตกแต่งด้วยวัสดุหนังแท้ Nappa เบาะแบบ AMG Sports Seat ส่วนพนักพิงหลังนั้น เย็บตกแต่งลายข้าวหลามตัด (Diamond Cut) เพิ่มความหรูหรา

วัสดุตกแต่งภายในเน้นสีทูโทน สามารถเลือกได้ถึง 6 สี อีกทั้งยังมีตัวเลือกการตกแต่งสองแบบ เป็นแบบ Carbon Fibre หรือ Piano Black และยังมีทางเลือกอื่นๆอีกมากมาย ตามรายการอุปกรณ์ของรุ่น Designo เช่น เข็มขัดนิรภัยสีแดง มือจับโหนบนหลังคา (หรือที่เราเรียกว่าศาสดา) หุ้มหนังแท้ หรือ พวงมาลัยหุ้มหนัง ซึ่งใช้สีโทนเดียวกับเบาะนั่ง

โดย Mercedes-AMG G63 และ G65 Exclusive Edition ยังคงมีรายละเอียดทางวิศวกรรมอื่นๆ เหมือนกับ G63 และ G65 รุ่นธรรมดา และใช้เครื่องยนต์ที่เหมือนกันทุกประการ

รุ่น G63 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M157 DE55 เบนซิน V8 สูบ DOHC 32 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน ขนาด 5.5 ลิตร 5,461 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 98.0 x 90.5 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.0 : 1 หัวฉีด Piezo แบบ Direct Injection พ่วงระบบอัดอากาศ Twin Turbocharger และ Twin Intercooler แรงม้าสูงสุด 563 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 5,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7G-Tronic 7 จังหวะ พร้อมโหมด Speedshift Plus ให้คนขับเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เอง ขับเคลื่อน 4 ล้อ

ในขณะที่รุ่น G65 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M279 E60 เบนซิน V12 สูบ SOHC 36 วาล์ว ขนาด 6.0 ลิตร 5,980 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.6 x 93.0 มิลลิเมตร กำลังอัด 9.0 : 1 หัวฉีด Multipoint Fuel Injection พ่วงระบบอัดอากาศ Twin Turbocharger พร้อม Intercooler แรงม้าสูงสุด 630 แรงม้า ที่ 5,000 – 5,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร ที่ 2,300 – 4,300 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7G-Tronic 7 จังหวะ พร้อมโหมด Speedshift Plus ให้คนขับเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เอง ขับเคลื่อน 4 ล้อ

โดยราคาจำหน่ายของ Mercedes-AMG G63 และ G65 Exclusive Edition ในเยอรมนี (ยังไม่รวมภาษีของประเทศไทย) อยู่ที่

  • Mercedes-AMG G63 Exclusive Edition 163,165.20 ยูโร (ประมาณ 6,440,000 บาท)
  • Mercedes-AMG G65 Exclusive Edition 287,658.70 ยูโร (ประมาณ 11,360,000 บาท)

 

ที่มา : Mercedes-Benz